สพฐ.รุกพัฒนาระบบเทคโนโลยีใช้บริหาร-จัดการศึกษายุคดิจิทัล

สพฐ.รุกพัฒนาระบบเทคโนโลยีใช้บริหาร-จัดการศึกษายุคดิจิทัล

'อัมพร' เผยผลการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการ สพฐ.ใช้ข้อมูลมาตัดสินใจได้ แต่เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ยังสะดุด เล็งชงของบฯพัฒนาทั้งซอฟต์แวร์-ฮาร์ดแวร์

ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า สพฐ.ได้พัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง เพื่อรวบรวมระบบงานหลักของ สพฐ.ในการใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษา โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐานแล้ว ดังนี้

1. ระบบบริหารข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (DMC) เป็นระบบที่พัฒนาเพื่อบริหารจัดการงบประมาณ ให้นักเรียนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับรายการหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ภาครัฐให้การสนับสนุน

2. ระบบบริหารงานบุคคล (HRMS) เป็นระบบบริหารงานบุคลากรในสังกัด สพฐ.

3. ระบบงานทะเบียนวัดผล (SGS)  เป็นระบบที่ใช้ในการบริหารจัดการผลการเรียนของนักเรียน

4. ระบบบริหารงานที่ดินสิ่งก่อสร้าง (B-OBEC) เป็นระบบที่บริหารจัดการข้อมูลเกี่ยวกับ อาคารสถานที่ ตลอดจนที่ดิน สิ่งก่อสร้าง  

5. ระบบงานสารบรรณ (Smart Obec) เป็นระบบบริหารจัดการ การรับส่งเอกสารทางราชการ ตั้งแต่ระดับสถานศึกษา จนถึงหน่วยงานภายในสำนักงานคณะกรรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

6. ระบบติดตามสุขภาพจิตนักเรียน (School Health Hero) เป็นระบบที่คอยติดตาม สุขภาพจิตของนักเรียน ตลอดจนแจ้งผู้เชี่ยวชาญจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้การช่วยเหลือ ปรึกษาและรักษา

7. ระบบฐานข้อมูลครู นักเรียน สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (SET) เป็นระบบบริหารจัดการข้อมูลนักเรียนของสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

สพฐ.ตั้งวอร์รูมเตรียมข้อมูล รมว.ศธ. แถลงนโยบาย 25-26 ก.ค.นี้

กว่า 50 ผู้ประกอบการรุ่นใหม่มุ่งแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก

“ตรีนุช”สั่งเลขาธิการสช.ตั้งกก.สอบลืมเด็กป.2บนรถตู้จนเสียชีวิต

 

พัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการ 

ทั้งหมดนี้พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้การบริหารจัดการข้อมูลนักเรียน ข้อมูลบุคลากร งบประมาณ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน เป็นระบบงานคอมพิวเตอร์ ที่ใช้เป็นเครื่องมือปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการบริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษาโดยตรง เป็นระบบอัตโนมัติ ที่จะนำมาแทนที่การปฏิบัติงานแบบเดิม

"ระบบเทคโนโลยีฐานข้อมูลกลางควรเป็นภาพรวมใหญ่ของประเทศ ซึ่ง สพฐ.เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เด็กและเยาวชนตั้งแต่ระดับอนุบาล 3 ขวบ จนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีสถานศึกษาในสังกัด 29,312 แห่ง มีครู และบุคลากรทางการศึกษา  5 แสนกว่าคน ดูแลนักเรียนในสังกัดทั่วประเทศมากกว่า 6.5 ล้านคน ดังนั้น เรารอไม่ได้และถ้าไม่นำเทคโนโลยีมาใช้ก็จะไม่ทันการณ์  สพฐ.จึงได้พัฒนาระบบของเราขึ้น" ดร.อัมพร กล่าว

สพฐ.รุกพัฒนาระบบเทคโนโลยีใช้บริหาร-จัดการศึกษายุคดิจิทัล

จากการใช้งานระบบที่พัฒนาขึ้น พบว่า เรื่องเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการ เป็นไปในทิศทางที่ดี เราสามารถดึงข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการบริหารได้หมด แต่เรื่องเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน นั้น ประสิทธิภาพยังไม่เต็มที่ ทั้งในส่วนของซอฟต์แวร์ โปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน  และ ในส่วนของฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ รวมไปถึงเรายังไม่สามารถจัดหาเครื่องมือให้ครู และนักเรียน ได้อย่างเพียงพอ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต เครื่องมือต่างๆควรมีทุกโรงเรียน เพียงพอและทันสมัย มีอินเทอร์เน็ตครอบคลุมพื้นที่อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เป็นต้น

 

สร้างระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีดิจิทัลรองรับศตวรรษที่21

ดร.อัมพร กล่าวด้วยว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตระหนักถึงเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล โดยได้มอบหมายให้  สพฐ.จัดทำโครงการ ‘การพัฒนาระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อรองรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของกระทรวงศึกษาธิการ ’ เป็นเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ ในกรอบวงเงิน 3,550 ล้านบาทเศษ

โดยมีเป้าหมายให้มีระบบประมวลผลแบบคลาวด์ระดับกระทรวงศึกษาธิการ หรือ MOE Private Cloud เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการใช้ทรัพยากรระบบคอมพิวเตอร์ร่วมกัน, มีรูปแบบการจัดการเรียนรู้แห่งชาติโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐาน, มีรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐาน และ มีระบบเครือข่ายการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC Network) ให้มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูง เป็นเครือข่ายเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเชื่อมต่อสถานศึกษาและหน่วยงานในสังกัดให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน

โดยได้เสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติในภาพรวมใหญ่ ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้มีมติให้ความเห็นชอบในหลักการเฉพาะส่วนที่เป็นระบบคอมพิวเตอร์ ในกรอบวงเงิน 3,198 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ สพฐ.ก็จะจะมีการหยิบยกเรื่องนี้มาหารือ และเสนอของบประมาณอีกครั้ง