เช็กอาการก่อน “หลับใน” เพื่อกลับจากสงกรานต์โดยสวัสดิภาพ

เช็กอาการก่อน “หลับใน” เพื่อกลับจากสงกรานต์โดยสวัสดิภาพ

ระหว่างกลับบ้าน เช็กให้ชัวร์ทุกอาการตัวเองและคนข้างๆ ว่าจะเดินทางอย่างปลอดภัย ไม่ “หลับใน” จนเกิดอุบัติเหตุ

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เทศกาลสงกรานต์ ที่หลายคนกลับบ้านหรือไปเที่ยวก็ถึงเวลาต้อง เดินทางกลับบ้าน มาสู่โลกความจริงกันแล้ว ใกล้บ้างไกลบ้างแล้วแต่ภูมิลำเนาของแต่ละคน แน่นอนว่าช่วงโค้งสุดท้ายของวันหยุดยาวแบบนี้ ถนนเกือบทุกสายจะหนาแน่นไปด้วยรถยนต์ ระยะเวลาบนท้องถนนจะยาวนานเป็นพิเศษ และนั่นคือนาทีทองของความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการ หลับใน

มีข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตระบุว่า ถึงแม้จะนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการ “หลับใน” ได้ โดยมีช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของการหลับในคือ 24.00–08.00 น. และ 13.00–15.00 น.

เพราะฉะนั้นนอกจากการเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนจะเริ่มขับรถ ระหว่างทางจึงต้องคอยเช็กอาการอยู่เสมอ ถ้ามีสัญญาณไม่ดีนักต้องรีบพักหรือจัดการให้ปลอดภัยจากการ “หลับใน”

  1. หาวบ่อยและต่อเนื่อง
  2. กระพริบตาถี่ หรือลืมตาไม่ขึ้น
  3. ใจลอย ไม่มีสมาธิกับการขับรถ
  4. ไม่เห็นสัญญาณไฟ และป้ายจราจรต่างๆ
  5. รู้สึกมึน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อย กระวนกระวาย
  6. ขับรถออกนอกเลน หรือส่ายไปมา ควบคุมเส้นทางไม่ได้
  7. จำไม่ได้ว่าขับผ่านอะไร หรือเกิดเหตุการณ์อะไรมาบ้างในช่วง 2-3 กิโลเมตรที่ผ่านมา

ถ้ามีอาการดังกล่าว ต้องทำอย่างไร

  1. หาที่งีบหลับพักสายตา เมื่อง่วงแต่ยังฝืนขับรถต่อจะยิ่งทำให้ยิ่งง่วงวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุดคือจอดรถแล้วหลับสัก 30 นาที ให้ร่างกายได้ฟื้นตัว ซึ่งที่จอดพักชั่วคราวก็มีทั้งตามปั๊มน้ำมัน หรือจะเป็นที่ทำการกรมทางหลวงในพื้นที่ต่างๆ ก็ได้
  2. กินผลไม้รสเปรี้ยว หากยังหาที่เหมาะๆ เพื่อจอดพักไม่ได้ รสเปรี้ยวจากผลไม้ต่างๆ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นและตาสว่างได้ แต่อย่าพึ่งพาผลไม้มากเกินไป ให้เป็นตัวช่วยยามจำเป็นก็พอ
  3. จิบกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลัง คาเฟอีนในกาแฟและเครื่องดื่มชูกำลังจะช่วยให้ร่างกระปรี้กระเปร่าและสดชื่น ช่วยให้ยังสู้ศึกบนถนนสายนี้ได้อีกไกล ทว่าหากจิบกาแฟและได้นอนพักด้วย จะช่วยให้หายง่วงได้เป็นทวีคูณ
  4. เปิดเพลงสนุกๆ เพราะบางทีความเงียบเกินไปก็ทำให้ง่วงได้ เพลงมีจังหวะสนุกๆ จะสร้างบรรยากาศให้ไม่เงียบเหงาเกินไป แถมได้โยกย้ายคลายเมื่อยด้วย
  5. เม้าท์มอย ถ้าบนรถไม่ได้มีแค่คุณคนเดียว เพื่อนร่วมรถนี่แหละคือตัวช่วยชั้นดี นอกจากจะได้คุยกันในเรื่องต่างๆ ยังช่วยกันมองทางได้