เผยประสิทธิภาพครีม CFA ช่วยลดปวด ทางเลือกใหม่บำบัด "ข้อเข่าเสื่อม"

เผยประสิทธิภาพครีม CFA ช่วยลดปวด ทางเลือกใหม่บำบัด "ข้อเข่าเสื่อม"

นักกายภาพบำบัดระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เผยข้อมูลงานวิจัยประสิทธิภาพครีม CFA ทางเลือกใหม่ ลดอาการปวด ช่วยให้การทำกายภาพบำบัดโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นไปได้ง่ายขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การรักษาโรค ข้อเข่าเสื่อม นอกจากการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด และการออกกำลังกายเฉพาะส่วนแล้ว คงจะหลีกเลี่ยงเรื่องของการใช้ยาไม่ได้ เพราะการลดอาการปวด เป็นเป้าหมายแรกในการรักษาทางกายภาพบำบัดโรคข้อเข่าเสื่อม หากลดปวดได้ ผู้ป่วยเต็มใจเคลื่อนไหวข้อเข่า ประสิทธิภาพจากการออกกำลังจนกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ก็สามารถประคับประคองข้อเข่าให้ใช้งานต่อไปได้นานขึ้น 

ธิดารัตน์ อร่ามวัฒนชัย นักกายภาพบำบัดระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ และทางการกีฬา ครูสอนพิลาทิส และการออกกำลังกาย กล่าวว่า กว่า 20 ปีกับการเป็นนักกายภาพบำบัดทางด้านระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ และทางการกีฬา อาการปวดเรื้อรังจากโรคข้อ โดยเฉพาะโรคข้อเข่าเสื่อมนั้น ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนักกายภาพบำบัดมาโดยตลอด โดยอาการของโรคข้อเสื่อม มีอาการปวดที่ข้อต่อและเคลื่อนไหวข้อต่อได้น้อยลง และคุณภาพชีวิตยังแย่ลงด้วย 

เผยประสิทธิภาพครีม CFA ช่วยลดปวด ทางเลือกใหม่บำบัด \"ข้อเข่าเสื่อม\"

ยกตัวอย่าง หากเป็นที่ข้อเข่า จะทำให้ความสามารถในการลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ การขึ้นลงบันได การเดิน และการทรงตัวแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง จนถึงขั้นฝ่อลีบจากการไม่ได้ใช้งาน อาการปวดทำให้ผู้ป่วยไม่อยากเคลื่อนไหวข้อเข่า ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับนักกายภาพบำบัดในการจัดท่าออกกำลังให้กับผู้ป่วย หากกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอ่อนแรง ข้อเข่าจะไม่ได้รับการพยุงจากกล้ามเนื้อ เมื่อทำกิจกรรมต่างๆ จะยิ่งมีแรงกดต่อข้อเข่ามากขึ้น ส่งผลให้อาการข้อเข่าเสื่อมรุนแรงขึ้นได้

ปัจจุบัน มีทั้งยาทาน และยาทา โดยยาทานช่วยในเรื่องลดการอักเสบจากกระบวนการทางเคมีภายในร่างกายได้ดี แต่ก็ยังมีผลข้างเคียงต่อร่างกายหากใช้เป็นระยะเวลานาน ดังนั้น ครีมทาจึงเป็นอีกทางเลือกที่มีส่วนช่วยได้ และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า และเป็นหนึ่งในครีมทาที่ช่วยลดอาการปวดและลดการอักเสบในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมได้ คือ ครีมทาที่มีสาร CFA

CFA คืออะไร?

CFA ย่อมาจาก Cetylated fatty acid เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่พบเจอได้ที่เยื่อหุ้มเซลล์ที่ผลิตน้ำไขข้อ สามารถซึมผ่านลงไปที่ผิวหนังและข้อต่อได้ง่าย ได้รับการพิสูจน์ทางงานวิจัยแล้วว่าให้ผลช่วยลดปวด และเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมได้ดี ทำให้ผู้ป่วยใช้ข้อเข่าในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น เช่น การเดินขึ้นลงบันได การลุกขึ้นจากเก้าอี้ การทรงตัว ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยครีมจะออกฤทธิ์ในเวลา 30 นาที หลังจากที่ทาบริเวณข้อและนวดเล็กน้อย หากใช้วันละ 2 ครั้งติดต่อกันเป็นเวลา 30 วัน พบว่า ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นผลทางสถิติ นอกจากโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว CFA ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีส่วนช่วยในโรคข้อศอกและข้อมือเสื่อมได้ด้วย

เผยประสิทธิภาพครีม CFA ช่วยลดปวด ทางเลือกใหม่บำบัด \"ข้อเข่าเสื่อม\"

แม้ว่ากลไกของ CFA ที่มีผลต่อร่างกายยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีการตั้งสมมติฐานว่า CFA สามารถลดระดับการอักเสบ ด้วยกลไกต่อไปนี้

  1. การลดการหลั่งสารไซโตคิเนส สารโคไตรอีน B4 และสารอินเตอร์ลิวคิน 1 ซึ่งเป็นสารชักนำการอักเสบ เมื่อสารเหล่านี้ลดลง การอักเสบจึงลดลง
  2. ช่วยปรับปรุงการไหลของของเหลวที่ผนังเซลล์ ช่วยเร่งกระบวนการหายให้ผ่านพ้นช่วงอักเสบได้เร็วขึ้น
  3. ลดการส่งสัญญาณทำลายโปรติโอไกลแคน (สารกระตุ้นการสร้างเซลล์ข้อต่อ) เมื่อทำลายน้อยลง กระบวนการอักเสบจึงลดลง

นอกจากนั้น CFA ยังมีส่วนช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังที่บริเวณคอ (Myofascial pain syndrome) ลดความไวต่อการกระตุ้นจุดปวด (Trigger point) เพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของคอ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นได้

เผยประสิทธิภาพครีม CFA ช่วยลดปวด ทางเลือกใหม่บำบัด \"ข้อเข่าเสื่อม\"

ปัจจุบันยังถูกนำมาใช้ในนักกีฬาอาชีพด้วยเช่นกัน ช่วยลดอาการปวด และลดบวมจากการอักเสบในนักกีฬาสกีที่มีอาการเส้นเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบบริเวณข้อศอก บริเวณเอ็นร้อยหวาย และบริเวณฝ่าเท้า รวมไปถึงนักกีฬา Roller hockey ที่มีอาการของโรคปวดขาหนีบเรื้อรัง พบว่า CFA สามารถลดปวดและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาหนีบได้

อย่างไรก็ดี ผลการรักษาทั้งหมดที่ได้จาก CFA นั้น จะต้องทำร่วมกับการรักษาทางกายภาพบำบัดแบบดั้งเดิมด้วย จึงจะได้ผลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

กล่าวโดยสรุป คือ สาร CFA ที่อยู่ในครีมทานั้น มีงานวิจัยที่แสดงผลของการรักษาที่ดีทั้งในโรคข้อเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง เอ็นอักเสบเรื้อรัง ทั้งในผู้ป่วย คนทั่วไป และนักกีฬา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 ปัจจุบันได้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายแล้ว ทั้งในนักกีฬา และผู้ป่วยทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ซึ่งพบว่าสามารถช่วยลดปวดได้ดี หากมีการใช้ซ้ำอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาที่ไม่ควรมองข้าม