'หมอมนูญ' ชี้ผู้ป่วย 'โควิด' หายแล้วเป็นซ้ำ อาการหนักกว่าเดิม

'หมอมนูญ' ชี้ผู้ป่วย 'โควิด' หายแล้วเป็นซ้ำ อาการหนักกว่าเดิม

"หมอมนูญ" เปิดข้อมูลใหม่ ผู้ป่วย"โควิด" หายแล้วเป็นซ้ำ พบอาการหนักกว่าเดิม ชี้ไวรัสกลายพันธุ์ตลอด

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 63 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก "หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC" โดยระบุว่า โรคไวรัสโควิด-19 เป็นแล้วเป็นซ้ำได้อีก รายงาน 3 คนแรกเป็นครั้งที่ 2 อาการน้อยกว่าครั้งแรก เพราะร่างกายมีภูมิต้านทานจากการติดเชื้อครั้งแรก ทำให้มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการเลย ยกเว้นรายงานล่าสุด

ผู้ป่วยชายชาวอเมริกัน อายุ 25 ปี ปกติแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว วันที่ 25 มีนาคม มีอาการไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเสีย วันที่ 18 เมษายน ตรวจรหัสพันธุกรรมพบว่าติดเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 วันที่ 27 เมษายน หายเป็นปกติ วันที่ 9 และ 26 พฤษภาคม ตรวจรหัสพันธุกรรมซ้ำให้ผลเป็นลบ ผู้ป่วยสบายดี หายเป็นปกติ จนกระทั่งวันที่ 31 พฤษภาคม มีอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเสีย เอกซเรย์ปอดปกติ แพทย์ให้กลับบ้าน วันที่ 5 มิถุนายน กลับมา รพ.อีก ด้วยอาการไอ เหนื่อย ปวดกล้ามเนื้อ เอกซเรย์ปอดครั้งนี้พบปอดอักเสบทั้งสองข้าง วัดระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ต้องให้ออกซิเจน ตรวจรหัสพันธุกรรมพบติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิดครั้งที่ 2 แตกต่างกับครั้งแรก แพทย์วินิจฉัยว่าผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งที่ 2 ห่างจากการติดเชื้อครั้งแรก 48 วันชี้ไวรัสกลายพันธุ์ตลอด "หมอมนูญ" เปิดข้อมูลใหม่ ผู้ป่วย"โควิด" หายแล้วเป็นซ้ำ พบอาการหนักกว่าเดิม


หลังการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 คนส่วนใหญ่จะสร้างภูมิต้านทาน แต่ภูมิอาจอยู่ได้ไม่นาน ทำให้มีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก แต่อาการจะน้อยกว่าครั้งแรก ที่น่าเป็นห่วงผู้ป่วยรายนี้เป็นซ้ำ แต่อาการหนักกว่าเดิม ทำให้สงสัยว่าภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อครั้งแรกอาจส่งเสริมทำให้อาการติดเชื้อครั้งที่ 2 รุนแรง เหมือนกับไข้เลือดออกเป็นครั้งที่ 2 จะหนักกว่าครั้งแรก ทำให้มีความวิตกกังวลว่าการฉีดวัคซีนไวรัสโควิด-19 อาจทำให้คนที่ได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งแรก มีอาการหนักกว่าคนที่ไม่เคยได้วัคซีน เหมือนกับวัคซีนไข้เลือดออกที่ถูกถอนออกจากประเทศฟิลิปปินส์หลังไทยยังให้ใช้วัคซีนไข้เลือดออกนี้อยู่

เชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์อยู่ตลอด เราต้องรอการศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนโควิดระยะที่ 3 ในอาสาสมัครจำนวนหลายหมื่นคน ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อพิสูจน์ว่าวัคซีนที่ผลิตขึ้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพป้องกันได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ถึงจะอนุญาตนำมาใช้กับคนทั่วไปได้ ระหว่างรอวัคซีน คนไทยทุกคนต้องปฏิบัติตัวในยุคนิวนอร์มัล สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ เหมือนเดิม