เปิดเมนูจานด่วน-ออร์แกนิคที่ Glowfish Co-Dining Space Sathorn

ทำความรู้จักที่มาของ 4 ร้านอาหารที่มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร กับอีก 1 ร้านเครื่องดื่มที่มีแฟนประจำภายใน โกลว์ฟิช โค-ไดนิ่ง สเปซ สาทร
หลังปั้น โค-เวิร์คกิ้ง สเปซ ที่ยกระดับบริการสู่รูปแบบ ‘เซอร์วิส ออฟฟิศ’ ประสบความสำเร็จมาแล้วที่ย่านอโศกและสยามสแควร์ภายใต้ชื่อ โกลว์ฟิช (Glowfish) ล่าสุด กวิน ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งโกลว์ฟิช เปิดตัว โกลว์ฟิช สาทร (Glowfish Sathorn) ด้วยพื้นที่ 3,800 ตารางเมตร บนชั้น 2 อาคาร ‘สาทรธานี 2’ ซึ่งสามารถเดินมาได้จากทางเชื่อมรถไฟฟ้าสถานีช่องนนทรี
โกลว์ฟิช สาทร ให้บริการออฟฟิศในรูปแบบโต๊ะนั่งโค-เวิร์คกิ้ง สเปซ, ห้องประชุม และแบบ ‘ห้องสำนักงานส่วนตัว’
โกลว์ฟิช สาทร ให้บริการออฟฟิศในรูปแบบโต๊ะนั่งโค-เวิร์คกิ้ง สเปซ และแบบ ‘ห้องสำนักงานส่วนตัว’ ที่เลือกเช่าได้เป็นรายเดือนและรายปีด้วย ‘ต้นทุน’ ที่เลือกได้มากขึ้น ผู้เช่าสามารถตกแต่งออฟฟิศให้สอดคล้องกับธุรกิจของตนเองได้ตามต้องการบนพื้นฐานที่กำหนด เข้าออกได้ 24 ชั่วโมงรองรับการติดต่องานระหว่างประเทศที่มีช่วงเวลาทำงานต่างกัน มีพื้นที่ห้องประชุม 3 ขนาด สามารถทะลุพื้นที่เป็นห้องเดียว เพื่อให้เหมาะกับการจัดงานหลากหลายรูปแบบ พร้อมระบบแสง-สี-เสียงและจอแอลอีดีขนาดยักษ์ มีฟิตเนสสตูดิโอพร้อมสำหรับคนรักสุขภาพ เป็นอาทิ
คุณกวินตั้งใจนำเสนอ ‘โกลว์ฟิช สาทร’ ให้เป็นโค-เวิร์คกิ้ง สเปซ รูปแบบใหม่ของไทยด้วยคอนเซปต์ ‘ไลฟ์สไตล์ เวิร์ค สเปซ’ จึงเติมเต็มด้วยการเปิดพื้นที่ใหม่ โกลว์ฟิช โค-ไดนิ่ง สเปซ (Glowfish Co-Dining Space) เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2561
มุมหนึ่งของ ‘โกลว์ฟิช โค-ไดนิ่ง สเปซ สาทร’ พื้นที่ 1,300 ตารางเมตร 200 ที่นั่ง
“ที่นี่เราเน้นอาหารสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ด(comfort food) ซึ่งก็จะตรงใจกับคนทำงานรุ่นมิลเลนเนียล ที่มีเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ต้องการมีความสุขในการกินถึงแม้เป็นมื้อกลางวัน คนกลุ่มนี้จะพิถีพิถันกับรสชาติ ต้องอร่อย ต้องมีประโยชน์ตามสไตล์เฮลธ์ตี้ฟู้ด สถานที่ต้องมีบรรยากาศดี โดยโกลว์ฟิช โค-ไดนิ่ง สเปซ สามารถเป็นพื้นที่สังสรรค์ร่วมกันของคนยุคใหม่ จะมานั่งกินอาหาร จิบกาแฟ นัดประชุม หรือทำงานไปด้วยก็ได้ เพราะเราตั้งใจออกแบบให้ที่นี่เป็น community dining อิ่มท้องแล้วยังปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์ นั่งตรงไหนก็สบาย ถ่ายรูปตรงไหนก็เด่น คุณสามารถมาที่นี่ได้ทุกวัน และอิ่มอร่อยกับอาหารที่แตกต่างจากที่อื่น โดยไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละมื้อ” กวิน กล่าว
โกลว์ฟิช โค-ไดนิ่ง สเปซ สาทร ประกอบด้วย 4 ร้านอาหารที่มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร เนื่องจากเป็นร้านที่เพิ่งเปิดใหม่เป็นครั้งแรก แต่เจ้าของร้านมีความเชี่ยวชาญในสูตรอาหารของตนเองอย่างมีเอกลักษณ์ กับอีก 1 ร้านเครื่องดื่มที่มีแฟนประจำอยู่แล้ว
Easy! Buddy ข้าวผัดกะเพราสูตรเด็ด
ข้าวผัดกะเพรา... เป็นอาหารตามสั่ง เป็นอาหารจานด่วน เป็นอาหารที่ร้านขายอาหารริมทางต้องมี และเป็นชื่ออาหารจานแรกๆ ที่มักผุดขึ้นมาเมื่อคนคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร
หลายครั้งที่สั่งผัดกะเพรา แล้วในจานมีทั้งข้าวโพดอ่อน แครอท ถั่วฝักยาวซอย พริกหยวก ซอสหอยนางรมมันเยิ้ม กับใบกะเพราสี่-ห้าใบ
แต่ที่ร้าน Easy! Buddy (อีซี่! บัดดี้) คุณจะได้กินข้าวผัดกะเพราที่มีความแห้ง ผัดด้วยน้ำมันจากเนื้อสัตว์ที่คุณเลือก เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ผัดกับกระเท่ียม พริก หอมกลิ่นซีอิ๊วที่โดนความร้อนจากกระทะ และใบกะเพราเท่านั้น ไม่มีผักชนิดอื่นปลอมปน เพียงแต่เพิ่มความหลากหลายด้วย ‘ท็อปปิ้ง’ ซึ่งเลือกได้ว่าต้องการหรือไม่
“อาหารทุกจานทำใหม่ตามออร์เดอร์ ผมไม่เสิร์ฟผัดกะเพราราดข้าว แต่จะผัดข้าวเข้ากับซอสกะเพราสูตรของผม ผมใช้ข้าวสวย หุงด้วยข้าวเก่าหอมมะลิ หุงเสร็จแล้วต้องเอาเข้าตู้เย็นหนึ่งคืน ผัดแล้วข้าวจะเม็ดสวย ไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่ยุ่ย ไม่แฉะ ไม่เละ” เชฟบัดดี้-ถมธนัตถ์ หทโยดม พ่อครัวและหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งร้าน Easy! Buddy กล่าวถึง ‘ข้าว’ ที่นำมาใช้ผัดกะเพรา
เชฟบัดดี้-ถมธนัตถ์ สำเร็จหลักสูตรการทำอาหารจาก เลอ กอร์ดอง เบลอ ปารีส(Le Cordon Bleu) มีประสบการณ์งานครัว 6 เดือนในร้านอาหาร Kiin Kiin กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
หลังคว้าปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์ คุณถมธนัตถ์ทำตามความชอบสุดๆ ของตัวเองด้วยการเปิด chef's table อาหารตะวันตก 6-16 ที่นั่งที่บ้านตนเอง ระหว่างนั้นค้นพบว่าเศษเนื้อวัวที่เล็มออกมา เมื่อนำมาผัดจนกรอบและเกิดเป็นน้ำมัน แล้วใช้ผัดกับกระเทียม พริก ใส่ข้าวใส่ใบกะเพราลงไป กลายเป็นข้าวผัดกะเพรารสเด็ดในความคิดของเขา จึงทำเป็นเมนูพิเศษเสริมให้กับแขกที่มารับประทานอาหาร ปรากฏว่าถูกใจทุกคนที่ได้ชิม เกิดเสียงร่ำลือปากต่อปาก เพื่อนและเพื่อนของเพื่อนก็อยากชิม ชิมแล้วก็อยากชิมอีก ทำให้เขาตัดสินใจทำข้าวผัดกะเพราขายในชื่อ Buddy to Go ผ่านการขายแบบบริการส่งอาหารถึงที่ (delivery) เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
เมื่อคุณกวินชวนมาเปิดร้านอาหารที่ โกลว์ฟิช โค-ไดนิ่ง สเปซ เชฟบัดดี้ซึ่งได้รับกำลังใจและแรงสนับสนุนจากคุณ ชนิภา-ชนิภรณ์ ตฤณขจี จึงรวมหุ้นช่วยกันทำให้ร้าน Easy! Buddy สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง
ร้าน Easy! Buddy มีข้าวผัดกะเพราให้เลือกหลายแบบ เช่น เมนูโปรดของเชฟ ข้าวกะเพราเนื้อเซอร์ลอยน์หมัก ไข่ดาว(ไข่เป็ด) ข้าวโพดหวาน น้ำพริกกากหมู (250 บาท)
ข้าวกะเพราเนื้อเซอร์ลอยน์หมัก ไข่ดาว(ไข่เป็ด) ข้าวโพดหวาน น้ำพริกกากหมู
คีนัวผัดกะเพรา แซลมอนย่าง ไข่ออนเซ็น
ข้าวเหนียวผัดกะเพราเนื้อเซอร์ลอยน์หมัก
เชฟบัดดี้ยังนำ ‘ข้าวเหนียว’ เกรดเอจากจังหวัดสุรินทร์ มาทำข้าวผัดกะเพราให้ชิมที่นี่ที่เดียว เช่น ข้าวเหนียวผัดกะเพราเนื้อเซอร์ลอยน์หมัก (200 บาท) และ ข้าวคีนัวผัดกะเพรา แซลมอนย่าง ไข่ออนเซ็น (320 บาท) สำหรับนักชิมสายสุขภาพ
North Sathorn ตำรับเมืองเหนือแท้ๆ
“ผมพบว่าย่านสาทรยังขาดร้านอาหารพื้นเมืองภาคเหนือที่รสชาติเป็นแบบชาวเหนือแท้ๆ คิดว่าการเปิดร้านขายอาหารต้นตำรับเมืองเหนืออย่างแท้จริง น่าจะเป็นไปได้” ษิวัชร ทองพัฒนากุล กล่าวถึงการตัดสินใจเปิดร้าน North Sathorn (เหนือสาทร) ที่โกลว์ฟิช โค-ไดนิ่ง สเปซ
ร้าน ‘เหนือสาทร’ นำเสนออาหารเหนือที่มีสูตรเด็ดเคล็ดลับความอร่อยในตระกูลของคุณษิวัชรซึ่งเป็นชาวลำปาง และคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีทั่วภาคเหนือ อาทิ น้ำเงี้ยว (150 บาท) เครื่องแกงที่มีความกลมกล่อมระหว่างรสเค็ม รสเปรี้ยวและความเผ็ด ครบเครื่องด้วยหมูสับ เลือดหมูหั่นเต๋า มะเขือเทศสับ ถั่วเน่า และดอกงิ้วจากเชียงราย ราดบนเส้นขนมจีนที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า มีเครื่องเคียงเป็นแคบหมู ถั่วงอกดิบ มะนาวซีก และผักดอง
น้ำเงี้ยว
น้ำพริกอ่อง
อาหารยอดนิยม ข้าวซอยไก่ (150 บาท) คัดสรรเส้นหนึบแน่นจากเชียงราย เสิร์ฟกับเครื่องเคียงหอมแดงซอย ผักดอง มะนาวซีก น้ำมันพริก, ไส้อั่ว ไส้กรอกหมูปรุงรสด้วยเครื่องเทศภาคเหนือ (125 บาท) และ น้ำพริกอ่อง หมูสับผัดปรุงรสด้วยมะเขือเทศ ถั่วเน่า พริก เกลือ เสิร์ฟกับข้าวเหนียว ผักลวก ผักสด แคบหมู(125 บาท)
คุณษิวัชรบอกหลายคนชอบ ตำมะม่วง (100 บาท) มะม่วงแรดซอยเป็นเส้น คลุกเคล้าปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า พริก น้ำตาลมะพร้าว โรยหน้าด้วยปลาแห้งกรอบตัวเล็กๆ แนมกับใบกระถินและชะพลู
ตำมะม่วง
ซอร์เบต์ลำไย
ของหวานสูตรพิเศษ ซอร์เบต์ลำไย (Lumyai Sorbet, 80 บาท) ทำจากลำไยอบแห้งจากลำพูน เสิร์ฟกับเนื้อลำไยแห้งและน้ำตาลทรายแดง
Hip Bowl เมนูตุ๋นจานด่วน
รักการทำอาหารและอยากเปิดร้านมานานแล้ว เมื่อมีโอกาส ศศิ อุไรวรรณชัย แม่บ้านนักทำอาหารก็นำสูตรเด็ดเคล็ดลับในตระกูลซึ่งสืบทอดจากคุณยายผู้มีฝีมือในการตุ๋นอาหารตามตำราจีนมาเปิดเป็นร้านชื่อ Hip Bowl (ฮิปโบล) ความอร่อยของเมนูตุ๋นที่ลงตัวในชามเดียว
แม้ฮิปโบลเป็นเหมือนอาหารจานด่วน ถูกจริตคนเมืองที่ไม่อยากเสียเวลารออาหารนาน แต่ก็ต้องมีความอร่อย ดังนั้นเบื้องหลังฮิปโบลคือกระบวนการปรุงอันซับซ้อน เพื่อให้เนื้อเปื่อยนุ่มและรสสัมผัสที่แทบละลายในปาก
“อาหารทุกจานเป็นสูตรที่คุณยายทำให้คุณแม่กิน และคุณแม่ก็ทำให้ดิฉัน ตอนนี้ดิฉันก็ทำให้กับลูกๆ ของตัวเอง เราตุ๋นเนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว อย่างช้าๆ กับเห็ดหอม ผักและเครื่องเทศหลายอย่าง ใช้เวลาตั้งแต่สองชั่วโมงถึงหกชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเนื้อแต่ละประเภท พร้อมกับดัดแปลงให้รสชาติทันสมัยขึ้น ไม่ใช่การตุ๋นยาจีน” ศศิ กล่าว
เมนูของฮิปโบล อาทิ ข้าวหน้าไก่ตุ๋นเสิร์ฟกับน้ำชา (140 บาท) ข้าวหอมมะลิโรยหน้าด้วยไก่ตุ๋น แครอท-เห็ดหอมตุ๋น กุนเชียง ต้นหอมญี่ปุ่นซอย เสิร์ฟกับพริกชี้ฟ้าเขียวสดหั่นแฉลบและน้ำชาข้าวหอม, ข้าวหน้าเนื้อตุ๋นน่องลาย (220 บาท) เนื้อไทยเฟรนช์ตุ๋น เสิร์ฟกับพริกแห้งสูตรเฉพาะของฮิปโบลที่หลายคนชิมแล้วอยากขอเพิ่ม
ข้าวหน้าเนื้อตุ๋นน่องลาย
ข้าวหน้าไก่ตุ๋นเสิร์ฟกับน้ำชาข้าวหอม
ชุดข้าวหน้าเนื้อเอ็นแก้ว
เมนูพรีเมี่ยม ข้าวหน้าเนื้อเอ็นแก้ว (320 บาท) เนื้อส่วนหน้าขาวัวมีเอ็นแทรก แนมกับน้ำส้มพริกเหลืองตำ พริกแห้งฮิปโบล สลัดผักสด น้ำชา และ กว่าเอ็นที่แทรกในเนื้อจะนุ่ม ต้องใช้เวลาตุ๋นนาน จึงเสิร์ฟได้จำกัด 20 จาน/วัน
วันนี้ชิมข้าวไปแล้ว วันหน้าจะกลับไปลองเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ได้ คุณศศิเตรียมบะหมี่ไข่สดเส้นแบนเหนียวนุ่ม บะหมี่หยก และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไว้ให้เลือก
Viet Concept อาหารเวียดนามออร์แกนิค
ชื่นชอบการรับประทานอาหารเวียดนามเป็นชีวิตจิตใจ เพราะได้กินผักหลากหลายชนิดคราวละมากๆ แต่ก็แพ้สารเคมีที่เหลือตกค้างในผักทุกที มนนิการ์ ซิงห์ จึงตัดสินใจหาข้อมูลเพื่อเปิดร้านอาหารเวียดนามเป็นของตนเองร้านแรกที่โกลว์ฟิช โค-ไดนิ่ง สเปซ ให้ชื่อร้านนี้ว่า Viet Concept (เวียต คอนเซปต์)
“เราเลือกใช้เฉพาะผักออร์แกนิคเท่านั้น สั่งตรงมาจากฟาร์มที่มีใบรับรองถูกต้อง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เราสั่งผักทุกวัน เพราะผักบางชนิดต้องสั่งล่วงหน้าสามวันก็มี” มนนิการ์ สาวลูกครึ่งไทย เวียดนาม อินเดีย กล่าว
นอกจาก ‘ผัก’ ที่เป็นองค์ประกอบหลัก มนนิการ์ยังคัดสรรวัตถุดิบอีกหลายอย่างที่เป็นหัวใจสำคัญของอาหารเวียดนาม
“เนื่องจากคุณแม่เกิดที่จังหวัดหนองคาย ทำให้รู้แหล่งผลิตเส้นเฝอแท้ๆ โดยชาวเวียดนามที่เข้ามาตั้งรกรากในหนองคาย ส่วนหมูยอ เราสั่งจากอุบลราชธานี จากแหล่งผลิตที่ใช้ส่วนผสมของเนื้อหมูมาก ใช้แป้งเล็กน้อย ด้วยความที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำมันน้อย แต่เน้นไปที่การใช้สมุนไพรและผัก อาหารเวียดนามจึงได้รับการจัดว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด ชาวตะวันตกเริ่มหันมากินอาหารเวียดนามกันมากขึ้น”
แหนมเนือง
แหนมเนือง โรล
ขณะนี้ ‘เวียต คอนเซปต์’ ให้บริการอาหารเวียดนามคลาสสิก 16 รายการ อาหารยอดนิยม แหนมเนือง หมูบดปรุงรสปั้นเป็นก้อนเสียบไม้ย่างสูตรเฉพาะของร้าน แผ่นแป้งปอเปี๊ยะเวียดนามจากแหล่งผลิตในภาคอีสาน น้ำจิ้มที่ขอไม่ใช้ตับหมูเป็นส่วนผสม เพื่อเลี่ยงสารตกค้างของเครื่องในชนิดนี้ โดยใช้มันฝรั่งแทน ครบเครื่องด้วยพริกขี้หนู กระเทียม กล้วยดิบ มะม่วง จัดเต็มมาในรูปแบบกระจาดสานดีไซน์ติดมุ้งเก๋ไก๋ ห่อกินเอง ชุดละ 280 บาท และแบบ แหนมเนืองโรล ห่อมาเสร็จสรรพคล้ายอาหารญี่ปุ่น กินง่าย ดูสวยงามเวลารับประทาน ชุดละ 120 บาท
เฝอหมู
ก๋วยจั๊บญวนกุ้ง
กุ้งพันอ้อย
แน่นอนที่ต้องมี เฝอหมู (Vietnamese Pho with Pork, 135 บาท) เส้นเฝอหนองคาย หมูชิ้นหมักนุ่ม หมูเด้ง หมูยอ ในน้ำซุปกระดูกหมูตุ๋น เสิร์ฟแบบอาหารญวนแท้ๆ กับกะปิปรุงรสและพริกกะเหรี่ยง ชาวญวนคีบเฝอเข้าปากแล้วจะใช้พริกกะเหรี่ยงปาดกะปิกินตาม, กุ้งพันอ้อย (190 บาท) เนื้อกุ้งบดผสมเนื้อหมูส่วนสะโพกและเครื่องปรุงรส ปั้นเป็นก้อนจับกับแท่งอ้อยควั่น ทอดจนสุก กินแนมกับเส้นหมี่ลวก หอมแดงเจียว น้ำจิ้มเคี่ยวเองราดมาบนเส้นมะละกอและแครอท, ก๋วยจั๊บญวนกุ้ง (175 บาท) เส้นก๋วยจั๊บญวนกลมๆ เล็กๆ แต่ไม่จับตัวเหนียวแบบเส้นขนมจีน มีเครื่องเป็นกุ้ง ซี่โครงหมูตุ๋น หมูยอหั่นเต๋า
“สาทรเป็นย่านธุรกิจ ตอนเช้าคนมาทำงาน ใช้สมอง เร่งรีบ พักเที่ยงกินอะไรดี เราเลยอยากนำเสนออาหารที่น่ากิน อร่อยและรวดเร็ว หรือตอนเย็นมานั่งผ่อนคลายหลังทำงาน ถ่ายรูปอวดเพื่อน หรือมานั่งกินอาหารหลังออกกำลังกาย ทำได้ที่โกลว์ฟิช โค-ไดนิ่ง สเปซ เมื่อเราทำงานหนัก ก็ควรมีความสุขในการใช้ชีวิตด้วย” มนนิการ์ กล่าว
กาแฟและขนมหวานร้าน Kuppadeli
เครื่องดื่มโซดาและแซนด์วิชร้าน Kuppadeli
Kuppadeli กาแฟ-อาหารเช้า
ร้าน Kuppadeli (คัปปาเดลี่) สาขานี้เป็นร้านแบบ ‘all day breakfast ผสมร้านกาแฟ’ มีเมนูอาหารเช้าขายตลอดวัน พร้อมหมัดเด็ด Kuppa Espresso กาแฟซิกเนเจอร์ house blend จากเมล็ดกาแฟอาราบิกา 6 สายพันธุ์ชั้นนำของโลก รวมทั้งไร่กาแฟเชียงดาว พร้อมเค้ก ขนมหวาน และ แซนด์วิช ทำจากแป้งไรย์(rye) แป้งหมัก(sour dough) และแป้งไม่ผ่านการขัดสี (whole wheat) สร้างสรรค์สูตรไส้แซนด์วิชใช้วัตถุดิบตระกูลเบอร์รีซูเปอร์ฟู้ดจากแอฟริกา
---------------
หมายเหตุ : Glowfish Co-Dining Space ตั้งอยู่บนชั้น 2 อาคารสาทรธานี 2 ถนนสาทรเหนือ กรุงเทพฯ เปิดบริการทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ 10.00-20.00 น. โทร.0 2109 9600 หรือ www.GlowFishOffices.com




