ปธพ.11 เปิดลงทะเบียน หน่วยแพทย์อาสาฯ รักษาฟรี จ.สุพรรณบุรี ลดเวลารอผ่าตัด

ปธพ.11 เปิดลงทะเบียน หน่วยแพทย์อาสาฯ รักษาฟรี จ.สุพรรณบุรี ลดเวลารอผ่าตัด

ปธพ.11 และ ปนพ.2 ภายใต้มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ แพทยสภา และสถาบันพระปกเกล้า นำแพทย์เฉพาะทางและจิตอาสาเข้าถึงชุมชน ขยายโอกาสในการรักษาพยาบาลและลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ ให้บริการผ่าน 46 คลินิกเฉพาะทาง ครอบคลุม 16 กลุ่มสาขาแพทย์ ระหว่างวันที่ 16–18 พฤษภาคม 2568 ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

KEY

POINTS

  • ปธพ.11 และ ปนพ.2 ภายใต้มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ แพทยสภา และสถาบันพระปกเกล้า นำแพทย์เฉพาะทางและจิตอาสาเข้าถึงชุมชน
  • ขยายโอกาสในการรักษาพยาบาลและลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ
  • ให้บริการผ่าน 46 คลินิกเฉพาะทาง ครอบคลุม 16 กลุ่มสาขาแพทย์
  • ตรวจรักษาโรคทั่วไป โรคเรื้อรัง และโรคเงียบ เช่น ต้อกระจก มะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ ปากมดลูก
  • ให้ความรู้เรื่องการแพทย์ กฎหมาย สมาธิ และการช่วยชีวิต (CPR)
  • จังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 16–18 พฤษภาคม 2568 ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
  • ตั้งเป้ารักษาประชาชนและพระภิกษุสงฆ์ประมาณ 30,000 รายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

หน่วยแพทย์อาสาไม่ได้มีบทบาทเพียงแค่ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไปและเฉพาะทางเท่านั้น หากแต่ยังมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการคัดกรองโรคเรื้อรังและโรคภัยเงียบต่างๆ ช่วยบรรเทาภาระของระบบสาธารณสุขหลัก และเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการรับมือกับวิกฤติสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของหน่วยแพทย์อาสา คณะนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 11 (ปธพ.11) และหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำทางการแพทย์ รุ่นที่ 2 (ปนพ.2) ภายใต้มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ แพทยสภา และสถาบันพระปกเกล้า จึงได้ร่วมกันจัด "โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี" อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนต่อการดูแลสุขภาพของประชาชนในระดับชุมชน

ในปีนี้นับเป็นครั้งที่ 10 ของโครงการ ได้เลือก จ.สุพรรณบุรีเป็นพื้นที่ดำเนินการ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16–18 พฤษภาคม 2568 ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

สำหรับประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง ที่สนใจเข้ารับบริการตรวจสุขภาพ สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรี หรือลงทะเบียนผ่าน Application เป๋าตัง หรือที่จุดบริการลงทะเบียนบริเวณชั้น 2 ห้องกิจกรรม โรบินสัน สุพรรณบุรี หรือธนาคารกรุงไทยและเอไอเอสช็อป เอไอเอสเทเลวิช ที่ร่วมรายการในจังหวัดสุพรรณบุรี หรือผ่าน Line OA : @Morasa (หมออาสา)

ปธพ.11 เปิดลงทะเบียน หน่วยแพทย์อาสาฯ รักษาฟรี จ.สุพรรณบุรี ลดเวลารอผ่าตัด

ยึดธรรมาภิบาล

พลอากาศเอก นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ และผู้อำนวยการสถาบันมหิตลาธิเบศร กล่าวว่า โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดำเนินงานภายใต้พระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 “อ่อนน้อม ถ่อมตน ทุกคนมีดี อย่าดูถูกใคร” และยึดธรรมาภิบาลเป็นหลัก

โดยตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2555 มีการดูแลผู้ป่วยไปแล้วกว่า 60,000 ราย และสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริหารทางการแพทย์ที่เป็นนักศึกษาไปแล้วกว่า 700 คน ทุกปีมีการจัดหน่วยแพทย์อาสานำการรักษาพยาบาลไปให้ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

ซึ่งในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายจัดบริการในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ด้วยการเปิดบริการตรวจสุขภาพ 46 คลินิกเฉพาะทาง ครอบคลุม 16 กลุ่มสาขาแพทย์ เพื่อขยายโอกาสการรักษาโรคซับซ้อน ลดคิวรอพบแพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการแพทย์ กฎหมาย สมาธิ และการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) เป็นต้น ให้แก่ ประชาชน อสม. พระภิกษุสงฆ์ และจิตอาสาในพื้นที่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ถือเป็นการกระจายโอกาสสู่การรักษาระดับตติยภูมิในต่างจังหวัดอย่างยั่งยืน

ลดการรอคอยหัตถการที่คิวยาว

ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานนักศึกษา ปธพ.รุ่นที่ 11 กล่าวว่า ปธพ.11 มีนักศึกษารวม 130 คน และ ปนพ.2 จำนวน 99 คน ที่ถูกปลูกฝังให้ความสำคัญกับโครงการแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ ทั้งนี้ การดำเนินการในปีนี้ ร่วมกับมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันการศึกษา

ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2568 ระดมแพทย์อาสากว่า 200 คน และจิตอาสากว่า 2,000 คน พร้อมอุปกรณ์การแพทย์กว่า 100 ล้านบาท เพื่อดูแลรักษาประชาชนและพระสงฆ์ราว 30,000 ราย ในจังหวัดสุพรรณบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

โดยทีมแพทย์อาสาจะมีบทบาทสำคัญในการลดระยะเวลาการรอคอยสำหรับหัตถการที่มีคิวยาว เช่น การผ่าตัดต้อกระจก การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งล้วนเป็นบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

ความพิเศษของโครงการปีนี้คือ การผ่าตัดเฉพาะทางซึ่งดำเนินการภายในโรงพยาบาล เช่น การตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารสำหรับผู้ป่วยที่ถ่ายเป็นเลือด จำนวนประมาณ 250 ราย การผ่าตัดต้อกระจก 100 ราย และการผ่าตัดข้อเข่า จำนวน 299 ราย

ปัญหาสำคัญ การกระจายตัวแพทย์

นพ.อิทธิพล จรัสโอฬาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า จำนวนแพทย์ในประเทศไทยโดยรวมมีจำนวนเพียงพอ แต่ปัญหาสำคัญคือการกระจายตัวของแพทย์ไปในจังหวัดขนาดเล็กหรือพื้นที่ห่างไกล ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาภาระงานที่เกินความสามารถในบางพื้นที่

การเข้าถึงการรักษาของประชาชนขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ หากเป็นพื้นที่ใกล้เขตอำเภอเมืองหรืออำเภอล่าง มักเข้าถึงการรักษาได้ง่าย แต่สำหรับพื้นที่ห่างไกล เช่น ด่านช้าง หนองหญ้าไทร หรือพื้นที่ชนบทที่มีลักษณะเป็นเขาหรือป่า อาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ

ปธพ.11 เปิดลงทะเบียน หน่วยแพทย์อาสาฯ รักษาฟรี จ.สุพรรณบุรี ลดเวลารอผ่าตัด

สังคมสูงอายุ อัตรารักษา ข้อเสื่อมสูง

นพ.อิทธิพล กล่าวด้วยว่า โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ปีนี้ครบรอบ 99 ปี สำหรับผู้ป่วยนอกมีจำนวนเฉลี่ยประมาณ 3,500 รายต่อวัน โรคส่วนใหญ่ที่พบในจังหวัดสุพรรณบุรี คือ

อันดับ 1 คือโรคในกลุ่มอายุรกรรม ประมาณ 40-50% ของผู้ป่วยทั้งหมด หากเจาะลึกไปที่ระบบร่างกาย โรคที่พบมากคือ 1. โรคระบบทางเดินหายใจ 2. โรคกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ รองลงมาคือโรคทางศัลยกรรม ซึ่งมีหลายสาขา

คนในจังหวัดสุพรรณบุรีเกี่ยวข้องกับอาชีพเกษตรกรรมที่ต้องใช้แรงงาน นอกจากนี้ ด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น โรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อม เช่น ข้อเข่าเสื่อม ข้อเสื่อม และมะเร็ง ก็พบได้มากในกลุ่มนี้

เคลียร์คิว ผู้ป่วยรอการผ่าตัด

นพ.อิทธิพล กล่าวว่า สำหรับโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งนี้ จะช่วยลดระยะเวลารอคอยหัตถการต่างๆ ที่คิวยาว เช่น การผ่าตัดต้อกระจก การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

นอกจากประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับ แล้วคณะแพทย์ของโรงพยาบาลยังได้เรียนรู้เทคนิคการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพิ่มพูนองค์ความรู้ และยกระดับคุณภาพการรักษาให้เพิ่มขึ้นในระยะยาว

คลินิกกลุ่มที่มีผู้ป่วยมากที่สุดและต้องเคลียร์คิว คือการผ่าตัดข้อเข่า ขณะนี้มีผู้ป่วยรอคิวผ่าตัดทั้งจังหวัดประมาณ 1,400 ราย ในบางโรงพยาบาล การรอคิวอาจใช้เวลาถึง 5 ปี สำหรับเป้าหมายในโครงการนี้ เราตั้งเป้าผ่าตัด 299 ราย ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลารอคิวให้สั้นลง เหลือประมาณ 2 ปี

พลังแห่งจิตอาสา

ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นกิจกรรมที่สะท้อนถึง พลังแห่งจิตอาสาและความมุ่งมั่นของนักศึกษาในหลักสูตร ได้อย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ และสร้างโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล หรือในพื้นที่ที่ยังเข้าไม่ถึงการรักษาที่มีคุณภาพ ได้รับบริการทางการแพทย์อย่างเท่าเทียม

สถาบันพระปกเกล้าให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ส่งเสริมชื่อเสียงของสถาบันอย่างเป็นรูปธรรม ต้องขอขอบคุณแพทยสภา และสถาบันมหิดลาธิเบศร ที่ร่วมเป็นพันธมิตรหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมอันทรงคุณค่านี้

จนถึงปัจจุบัน โครงการได้ดำเนินการในพื้นที่กว่า 14 จังหวัดทั่วประเทศ โดยถือเป็นความพยายามสำคัญในการ ‘นำแพทย์ไปหาคนไข้’ แทนที่จะรอให้คนไข้เดินทางมาหาแพทย์ ซึ่งนับเป็นการขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นสูงให้กับประชาชนในชนบทหรือพื้นที่ทุรกันดารได้อย่างแท้จริง

บรรเทาความเดือดร้อนด้านสุขภาพ

กลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า จังหวัดสุพรรณบุรีรู้สึกเป็นเกียรติและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เป็นพื้นที่จัดโครงการนี้

นับเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งที่พี่น้องชาวสุพรรณบุรีจะได้ร่วมเป็นเจ้าภาพในการต้อนรับคณะแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมทั้งจิตอาสาจากทุกภาคส่วน ที่มาร่วมกันขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ให้กว้างขวางและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานของระบบสุขภาพที่แข็งแรงและยั่งยืน ให้กับพี่น้องชาวสุพรรณบุรี รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงในระยะยาว

แพทย์ร่วมแรงร่วมใจ

รศ.นพ.ประกาศิต จิรัปปภา กล่าวว่า หน่วยแพทย์อาสาพระราชทาน ได้จัดให้มีการเปิดให้บริการประชาชนผ่าน 46 คลินิกเฉพาะทาง โดยได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศ อันประกอบด้วย คณะแพทย์จากโรงเรียนแพทย์ หน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน ตลอดจนราชวิทยาลัยทางการแพทย์หลายแห่ง รวมถึงแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากเหล่าทัพ ภาครัฐ และภาคเอกชน รวมจำนวนกว่า 200 คน

นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนจากบุคลากรทางการแพทย์หลากหลายสาขา ทั้งทันตแพทย์ สัตวแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร รวมถึงจิตอาสาผู้เปี่ยมด้วยจิตสาธารณะกว่า 2,000 คน ที่พร้อมใจกันมาร่วมเป็นพลังสำคัญในโครงการนี้

การดำเนินโครงการครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดสุพรรณบุรี โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช และหน่วยงานราชการในพื้นที่ ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนภารกิจให้เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนอย่างแท้จริง

“อู่ข้าวอู่น้ำ” บริการอาหาร-เครื่องดื่ม

พิชัย จิราธิวัฒน์ ประธานนักศึกษา (Non-Med) เปิดเผยว่า ในฐานะทีมสนับสนุนเตรียม เปิด “อู่ข้าวอู่น้ำ” ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้เข้ารับบริการ บุคลากรทางการแพทย์ และจิตอาสาทั้งหมด พร้อมเตรียมของที่ระลึก และบริการสัญญาณอินเตอร์เน็ตตลอดงาน โดย AIS TRUE และอื่นๆ อีกมากมาย จากภาครัฐ ภาคเอกชนร่วมมือกัน

ผู้ที่มารับบริการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ  และเพื่อส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนของการจัดงานครบทุกมิติ ได้นำการบริหารจัดการการตรวจแบบใช้เทคโนโลยีการลงทะเบียนผ่าน Application เป๋าตัง การเข้าคิวผ่านระบบ online

นอกจากนี้ ยังมีการใช้ทรัพยากร จัดซื้อ จัดจ้าง เพื่อกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนในพื้นที่ พร้อมมีการให้ความรู้ประชาชนและจัดระบบบริหารจัดการขยะครบวงจร จากทีม “เซ็นทรัล ทำ” และ “Recycle Day” เพื่อให้มั่นใจว่าขยะประเภทต่างๆ จะเข้าสู่ระบบการจัดการที่ถูกต้องให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

ปธพ.11 เปิดลงทะเบียน หน่วยแพทย์อาสาฯ รักษาฟรี จ.สุพรรณบุรี ลดเวลารอผ่าตัด