'มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป' ถูกเชือด! กรมการปกครอง เอาผิดจัดตั้งไม่ได้รับอนุญาต

'มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป' ถูกเชือด! กรมการปกครอง เอาผิดจัดตั้งไม่ได้รับอนุญาต

กรมการปกครอง แจ้งความ สน.นางเลิ้ง เอาผิด “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” จัดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่สถานที่ตั้งไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล ประสานกองปราบ สืบสวนขยายผล สั่งทุกอำเภอตรวจสอบข้อมูลเปิดมูลนิธิบังหน้าทำธุรกิจสีเทาผิดกฎหมาย

ภายหลัง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กหัวข้อ มูลนิธิเป็นต่อ (ของเก๊) อีกแล้ว โดยระบุว่า “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินธุรกิจสีเทา และไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นที่มาให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีกับมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ปครั้งหนึ่งนั้น

ล่าสุด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นิติกรกรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ไปแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของ มูลนิธิเป็นต่อ หลังพบว่า ไม่ได้มีการจดแจ้งขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ

นายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนนคดีอาญา สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมีการกล่าวถึง “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด” กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในฐานข้อมูล ไม่ปรากฏการจดทะเบียนมูลนิธิในชื่อดังกล่าว 

ตลอดจนจากการลงพื้นที่สืบสวน พบผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ในเครือเป็นต่อกรุ๊ป ยอมรับว่า มูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิแต่อย่างใด เป็นเพียงการรวมกลุ่มกันของ ผู้บริหาร ที่รู้จักสนิทสนมกันในหลายบริษัท

ซึ่งจากการลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานที่ตั้ง มูลนิธิ ภายในรามอินทราซอย 5 แยก 15 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ก็พบว่าไม่ได้มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิแต่อย่างใด มีเพียงพนักงานบริษัทอื่นที่อยู่ในอาคารเดียวกัน อีกทั้งยังได้ตรวจสอบไปยังผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว ก็ยอมรับว่าไม่ได้มีการขออนุญาตก่อตั้งจริง

การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนของ มูลนิธิ นี้ เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย วันนี้กรมการปกครอง จึงได้มอบหมายให้ตนเอง และพนักงานฝ่ายปกครอง ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับ มูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด ใน 3 ความผิดฐาน คือ

1.ผิด พ.ร.บ.กำหนด ความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 ใช้คำว่ามูลนิธิประกอบกับชื่อในดวงตาและเอกสารอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดย ที่มิได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ 2.พ.ร.บ. ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 มาตร 8 ประกอบมาตรา 17 และ3.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

ส่วนหากจะมีความผิดอื่นใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ในกรณีนี้กรมการปกครองได้ประสานงานใกล้ชิดกับ กองบังคับการปราบปราม แล้ว ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนขยายผลต่อไป

นอกจากนี้ ทาง นายรัฐวิช ยังเผยอีกว่า กรณีกระแสข่าวกลุ่มทุนจีนสีเทา เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ทางกรมการปกครอง ได้สั่งการไปให้ทุกอำเภอตรวจสอบมูลนิธิต่างๆ ที่อาจเกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา ว่ามีการขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ เพื่อบังหน้าธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งมูลนิธิที่มีการก่อตั้งแล้วไม่ได้มีกิจกรรม หรือมีการดำเนินการใดๆ ด้วย