"โรคปอดอักเสบ"ในเด็กที่มากับหน้าหนาวอาการอย่างไร

"โรคปอดอักเสบ"ในเด็กที่มากับหน้าหนาวอาการอย่างไร

โดยมากเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุ 50 ปี ขึ้นไป จะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูงจาก“โรคปอดอักเสบ” โรคติดเชื้อที่เป็นสาเหตุ การตายอันดับหนึ่งในเด็ก อายุ 0-4 ปี อัตราป่วยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศเตือนให้เฝ้าระวัง “โรคปอดอักเสบ” เป็นพิเศษในช่วงอากาศหนาวเย็นซึ่ง โรคปอดอักเสบในเด็ก เป็น 1 ใน 6 โรคที่พบจำนวนมาก

โดยพบประมาณร้อยละ 2 ของเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี โดยพบความชุกประมาณ ร้อยละ 45-50 ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่มา ด้วยโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง และร้อยละ 7-13 มี อาการปอดอักเสบรุนแรง จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และเป็นสาเหตุการตายอันกับ 1 ของโรคติดเชื้อในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เช่นเดียวกัน

เฝ้าระวัง"โรคปอดอักเสบ" ในเด็ก

วันที่ 12 พฤศจิกายน ของทุกปี องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดให้เป็นวัน "โรคปอดบวมโลก" เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญและช่วยกันรณรงค์ลดการป่วยและเสียชีวิตจากโรคนี้ โดยมากเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุ 50 ปี ขึ้นไป จะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูงที่สุดในโลกเนื่องจากเป็นโรคติดเชื้อที่มีความรุนแรงเฉียบพลัน

สำหรับ สถานการณ์ปอดอักเสบ ระดับโลกแต่ละปีมีคนป่วยปอดอักเสบประมาณ 400 ล้านคนต่อปี และเสียชีวิตปีละ 2.5 ล้านคน ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งอายุต่ำกว่า 15 ปี อีกครึ่งเกิน 15 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ป้องกันก่อนเป็นโรค "ปอดอักเสบ" อย่าปล่อยให้รุนแรง อันตรายทั้งเด็ก-ผู้ใหญ่

สร้างเกราะคุ้มกัน..ด้วยการฉีด "วัคซีนไข้หวัดใหญ่" และ "โรคปอดอักเสบ"

อาการไอแบบไหน ป่วยเป็น"โควิด" :ไอแห้งๆ ไอมีเสมหะ ไอเสียงก้อง

หมอมนูญ เตือน คนสูงอายุ ติดเชื้อโควิด-19 เสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าคนอายุน้อย

เช็กสาเหตุโรคปอดอักเสบในเด็ก

ศ. พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ  นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า โรคปอดอักเสบ หรือปอดบวม หรือ นิวโมเนีย  เป็นภาวะที่มีการอักเสบในบริการเนื้อปอด บริเวณหลอดลมฝอยส่วนปลาย ถุงลมและเนื้อเยื่อรอบๆ ถุงลม อันเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียร่วมกัน

- สาเหตุของโรคปอดอักเสบในเด็ก เกิดขึ้นได้จาก 2 สาเหตุหลักๆ คือ

1.ปอดอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น การแพ้หรือการระคายเคืองจากสารที่สูดดมเข้าไป การสำลักอาหาร เป็นต้น

2.ปอดอักเสบจากการติดเชื้อ โดยส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ส่วนเชื้อราและพยาธิพบได้น้อยเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยในเด็กได้แก่ เชื้อนิวโมคอคคัส (Streptococcus pneumoniae), Gr.A Streptococcus, เชื้อฮิบ (Haemophilus influenzae type B) หรือเชื้อไมโครพลาสม่า (Mycoplasma pneumoniae) ส่วนเชื้อไวรัสที่พบบ่อยในเด็ก โดยเฉพาะ ได้แก่ RSV, ไข้หวัดใหญ่ และ hmpv เป็นต้น

เด็กกลุ่มใดเสี่ยงปอดอักเสบ?

เด็กที่เสี่ยงโรคปอดอักเสบ ได้แก่

  • ทารกคลอดก่อนกำหนดหรือมีน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย
  • เด็กตั้งแต่แรกคลอด - 5 ปี
  • เด็กมีความพิการทางสมอง มีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • เด็กไม่ได้กินนมแม่ ไม่ได้รับวัคซีนครบตามกำหนด
  • มีภาวะทุพโภชนาการ
  • เด็กที่พักอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด หรืออยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • เด็กที่ได้รับควันบุหรี่จากบุคคลรอบข้าง

โรคปอดอักเสบในเด็ก สามารถติดต่อได้หลายทาง เช่น

  • หายใจเอาเชื้อเข้าปอดจากคนที่ไอ หรือจามใกล้กันแล้วไม่ได้ปิดปากโดยฉพาะเมื่ออยู่ในที่แออัด
  • การสำลักเอาสารเคมีหรือเศษอาหารเข้าไปในปอด
  • การแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด จากที่มีการติดเชื้อที่บริเวณอื่นก่อนแล้วแพร่กระจายมาสู่ปอด เป็นต้น

สังเกตอาการ โรคปอดอักเสบ

เมื่อเป็นโรคปอดอักเสบอาการจะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ อายุของผู้ป่วยและความรุนแรงของโรค อาการส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นทันที ได้แก่

มีไข้ ไอมีเสมหะ อาจพบหายใจเหนื่อยหอบ หรือหายใจลำบาก มีปีกจมูกบาน ขณะหายใจมีชายโครง หรือหน้าอกบุ๋ม ปากเขียว หายใจดัง

บางรายอาจมีอาการร้องกวน งอแงกว่าปกติ กระสับกระส่าย

ในเด็กเล็กอาการส่วนใหญ่จะไม่มีลักษณะเฉพาะ อาจมีไข้ หรือไม่มีไข้ก็ได้ ไม่ยอมดูดนมหรือน้ำ อาจมีอาการซึม หรืออาเจียน ร้องกวนกว่าปกติ

ในเด็กโตอาจมีอาการเจ็บหน้าอกเวลาหายใจเข้าออกลึก ๆ ร่วมด้วย

โรคปอดบวมมักมีอาการเกิดขึ้นแบบฉับพลัน อาการแสดง จะขึ้นกับอายุและเชื้อที่ได้รับเป็นสำคัญ 

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคปอดอักเสบ

ปัจจัยภายใน

  • ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากภาวะทุพโภชนาการ หริอขาดสารอาหาร โดยเฉพาะในทารกที่ไม่ได้รับนมแม่อย่างเพียงพอ
  • ภาวะเจ็บป่วยทีมีอยู่ก่อน เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคเรื้อรังอื่นๆ ติดเชื้อ HIV ภาวะคลอดก่อนกำหนด

ปัจจัยภายนอก

  • ชุมชนแออัด
  • มีฝุ่นละอองในอากาศ
  • ควันบุหรี่
  • ควันไฟ
  • การดูแลสุขอนามัยแก่เด็ก
  • กิจกรรมที่เด็กทำ

การวินิจฉัยโรคเป็นอย่างไร?

เบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย การเอ็กซเรย์ปอด รวมทั้งอาจจะใช้วิธีการการตรวจหาเชื้อก่อโรค ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น การเพาะเชื้อจากเสมหะ การตรวจแอนติเจนเพื่อหาสารพันธุกรรมของเชื้อในเสมหะหรือโพรงจมูก ตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดีของร่างกายต่อเชื้อ

แนวทางการรักษาโรคปอดอักเสบ
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ อายุผู้ป่วย และความรุนแรงของโรค โดยแบ่งการรักษาเป็น 2 ส่วนคือ

  • การรักษาแบบเฉพาะเจาะจง

ให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ในรายที่เป็นโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส จะไม่มียารักษาจำเพาะ ยกเว้น ไข้หวัดใหญ่ที่มียาต้านเชื้อไวรัส ส่วนไวรัสชนิดอื่นๆ จะให้การรักษาตามอาการ

  • การรักษาแบบประคับประคอง
    • แนะนำให้ดื่มน้ำให้เพียงพอ ในรายที่มีอาการรุนแรง มีภาวะขาดน้ำ แพทย์พิจารณาให้สารน้ำทางเส้นเลือด
    • ให้ออกซิเจนในรายที่มีหายใจเหนื่อย เขียว อกบุ๋ม การซับกระซ่าย ซึม หากกรณีที่มีระบบการหายใจล้มเหลวอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจร่วมด้วย
    • ให้ยาขยายหลอดลม ในรายที่มีภาวะหลอดลมตีบ
    • การกายภาพบำบัดปอดเพื่อให้ขับเสมหะได้สะดวกและไม่อุดตั
    • รักษาภาวะอื่นๆ ตามอาการ ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ

เลี้ยงลูกให้ห่างไกล “ปอดอักเสบ”

  • ควรดูแลสุขภาพลูกน้อยให้แข็งแรงอยู่เสมอ
  • ให้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • อย่าลืมปลูกฝังสุขอนามัยที่ดี เช่น การล้างมือให้สะอาด สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัด แยกของใช้กับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการรับเชื้อ หรือการอยู่ในสถานที่แออัด
  • คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็กๆ ไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนที่ป้องกันเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบ อาทิ วัคซีนป้องการเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus Influenza Type B (Hib vaccine), วัคซีนป้องกันเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus Pneumoniae (Invasive Pneumococcal Disease vaccine; IPD vaccine), โรคไข้หวัดใหญ่(Influenza  vaccine)

การป้องกันโรคปอดอักเสบ

  1. หลีกเลี่ยงนำเด็กเข้าไปในบริเสณสถานที่ที่คนแออัด
  2. จัดสิ่งแวลด้อมให้สะอาดอยู่เสมอ
  3. หลีกเลี่ยงฝุ่นและควัน เช่น ควันบุหรี่ ควันไฟ ควันจากท่อไอเสียรถ อยู่ใกล้ชิดกับผู้กำลังมีอาการหวัด หรือไอ
  4. ให้โภชนาการที่เพียงพอแก่เด็ก โดยเริ่มจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต
  5. แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ
  6. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
  7. วัคซีน PCV ป้องกันปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอสคัส (และยังป้องกันโรคIPD ด้วย)
  8. วัคซีนไอกรน และฮิบ
  9. วัคซีนหัด
  10. วัคซีนโควิด-19

อ้างอิง: โรงพยาบาลพญาไท