“จัดการหนี้” โจทย์ใหญ่ประเทศ

“จัดการหนี้” โจทย์ใหญ่ประเทศ

สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ พ.ร.บ. กยศ. ฉบับใหม่แล้ว ซึ่งจะช่วยเหลือและบรรเทาภาระของผู้กู้ยืมเงิน กยศ. หรือผู้ค้ำประกัน ให้สามารถชำระเงินคืนกองทุนได้ โดยงดเว้นการเก็บดอกเบี้ย และงดค่าปรับผิดนัดชำระ

“ปัญหาหนี้สิน” กำลังเป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศ จึงไม่แปลกที่ตอนนี้เป็นนโยบายที่แต่ละพรรค หยิบยกมาหาเสียงกันตั้งแต่วันนี้ ถึงขั้นบางพรรคเสนอพักหนี้ทั่วไป งดดอกเบี้ย และเบี้ยปรับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) บางพรรคเสนอตั้งกองทุน เพื่อบรรเทาและแก้ปัญหา เพราะต่างทราบดีว่า กำลังเป็นความทุกข์ของประชาชน

ส่วนรัฐบาลก็ทราบดีว่า กำลังก่อปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะหนี้คนตัวเล็ก รายย่อย ล่าสุด จึงมีการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้หารือถึงความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขหนี้สิน

ประเด็นหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ที่ประชุมฯ หารือถึงความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ กยศ. ซึ่งพบว่า มีผู้ยื่นขอปรับโครงสร้างหนี้ 3.4 แสนราย (เพิ่มขึ้น 1.1 แสนราย) จากผู้มีสิทธิยื่น 2 ล้านราย โดย กยศ. อยู่ระหว่างทำระบบรองรับการปรับโครงสร้างหนี้ผ่านช่องทางออนไลน์

ล่าสุด สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ พ.ร.บ. กยศ. ฉบับใหม่แล้ว เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 ซึ่งจะช่วยเหลือและบรรเทาภาระของผู้กู้ยืมเงินหรือผู้ค้ำประกัน ซึ่งทำสัญญาก่อนที่ร่างกฎหมายที่แก้ไขจะใช้บังคับใช้ ให้สามารถชำระเงินคืนกองทุนได้ โดยให้งดเว้นการเก็บดอกเบี้ย และคิดค่าปรับผิดนัดชำระ

ประเด็นหนี้ข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครูและข้าราชการตำรวจ พบว่าแก้ไขหนี้สินสำเร็จแล้ว 64% โดยแก้ไขหนี้ข้าราชการตำรวจสำเร็จ 6,145 ราย เพิ่มขึ้น 2,754 ราย

สำหรับข้าราชการครู ธนาคารออมสินได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ของข้าราชการครูในทุกโครงการเหลือไม่เกิน 4.9% และมีโครงการสร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 41,126 ราย ไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 3,623 ราย คิดเป็น 8.9% ของผู้เข้าร่วม 

ส่วนการปรับปรุงโครงสร้าง/ไกล่เกลี่ยหนี้ พบว่า ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 มีสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จำนวน 6 แห่ง ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ 2,250,854 บัญชี คิดเป็น 958,025 ล้านบาท และทาง "ธนาคารแห่งประเทศไทย" มีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระยะยาว ช่วยเหลือลูกหนี้ 3.89 ล้านบัญชี คิดเป็น 2.98 ล้านล้านบาท

เราเห็นว่า รัฐบาลและแต่ละพรรคการเมืองกำลังเคลื่อนตัวแก้ปัญหาหนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ นโยบายที่ดีต้องไม่สร้างปัญหาในอนาคต ยกตัวอย่าง หนี้ กยศ. ที่พรรคการเมืองเสนอ ยกเลิกคิดดอกเบี้ย และค่าปรับ อาจจะสร้างปัญหาใหญ่ที่เรียกว่า สร้างนิสัย ‘ชักดาบ’

และสุดท้าย กยศ. จะหมดพลังในการดำเนินกิจกรรมต่อ ถึงขั้นนี้ ฝากความหวังที่วุฒิสภา จะคว่ำร่าง พ.ร.บ. กยศ. หรือไม่ เราหวังว่าวุฒิสภา จะเห็นภาพรวม มากกว่าจะตอบโจทย์พรรคการเมืองที่มุ่งประชานิยม หวังแค่ผลทางการเมืองจนละเลยผลกระทบระยะยาว