รู้จัก EVER "กระเป๋าสุขภาพ" เชื่อมข้อมูล ส่งต่อ-รักษา ทั่วโลก

รู้จัก EVER "กระเป๋าสุขภาพ" เชื่อมข้อมูล ส่งต่อ-รักษา ทั่วโลก

เอเวอร์ เมดิคอล เทคโนโลยี พลิกโฉมวงการสุขภาพด้วย "บล็อกเชน" เปิดตัว EVER Healthcare แพลตฟอร์ม "การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์" (Medical Tourism) และ EVER Health Wallet ระบบ "กระเป๋าสุขภาพ" จัดเก็บ ส่งต่อข้อมูลสุขภาพ โดยผู้ป่วยเป็นเจ้าของข้อมูล 100%

หลายครั้งการส่งต่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระหว่างโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา “ระบบกระเป๋าสุขภาพ” จึงเป็นหนึ่งในตัวช่วยจัดเก็บข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมระหว่างวัน ประวัติการวินิจฉัย รักษา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วยด้วยเทคโนโลยี โดยผู้ป่วยเป็นเจ้าของข้อมูล 100%

 

ปี 2017 บริษัท เอเวอร์ เมดิคอล เทคโนโลยี จํากัด ก่อตั้งขึ้นโดย "ภาณุสิชฌ์ ชมะนันทน์” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการส่งต่อ-แลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระหว่างโรงพยาบาล และการที่ผู้ป่วยไม่ได้เป็นเจ้าของข้อมูลสุขภาพของตนเองอย่างแท้จริงตามสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ   

 

โดยเอเวอร์ช่วยส่งต่อข้อมูลเหล่านั้นเกิดประสิทธิผลสูงสุด พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างตรงจุดมากที่สุดด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง ผ่านการใช้งานบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เอเวอร์เชี่ยวชาญ ผสานไปกับ วงการแพทย์ เพื่อใช้เทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

 

เอเวอร์ฯ วางโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงการรักษาสุขภาพ ผ่านแอปฯ EVER ตัวช่วยดูแลสุขภาพครบวงจร โดยมีแพลตฟอร์ม “EVER Health Wallet” ระบบกระเป๋าสุขภาพ ที่จัดเก็บข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยผ่านบล็อกเชน ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงข้อมูลการรักษาตนเองผ่านโทรศัพท์มือถือได้ พร้อมเชื่อมโยงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และโรงพยาบาลจากทั่วทุกมุมโลกไว้ด้วยกัน

 

เป็นการทลายข้อจำกัดขอบเขตด้านภูมิศาสตร์ อาทิ การเดินทางไปรักษาที่ต่างประเทศจะกลายเป็นเรื่องง่าย เพราะมีแพลตฟอร์มกลางของเอเวอร์เข้ามาอำนวยความสะดวก สามารถรับคำปรึกษาด้านสุขภาพกับแพทย์ในไทย ไปจนถึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในประเทศนั้นๆ ผ่านแพลตฟอร์มที่เอเวอร์พัฒนาขึ้นได้ทันที

 

รู้จัก EVER \"กระเป๋าสุขภาพ\" เชื่อมข้อมูล ส่งต่อ-รักษา ทั่วโลก

พาร์ทเนอร์กว่า 400 แห่ง

 

“ภาณุสิชฌ์” เล่าต่อไปว่า ใช้เวลา 3 ปี ในการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ขึ้นมา ปัจจุบันมีคนใช้งานในไทยมากกว่า 2 ล้านคน และตั้งเป้าผู้ใช้งาน 10 ล้านคนทั่วโลก ภายในสิ้นปี2565 สามารถเข้าถึงบุคลากรทางการแพทย์ได้ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นแพทย์ หรือ เภสัชกร โดยมีคลินิก โรงพยาบาล และสถานพยาบาล ในไทยที่เป็นพาร์ทเนอร์ราว 400 แห่ง โดยเป็นภาครัฐ 349 แห่ง และยังมีคลินิกในเม็กซิโก 40 แห่ง  มีบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า 5,000 คน สามารถจองไปรักษาคลินิก และแชร์ข้อมูลเพื่อการรักษาได้

 

ในประเทศไทย เอเวอร์ มีการทำงานร่วมกับ รพ.ภาครัฐใน กทม. สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ระยอง โดยนำข้อมูลเวชระเบียนเข้าสู่ระบบ และพัฒนาระบบใช้ใน รพ.เพื่อให้แพทย์กรอกข้อมูล ซึ่งปัญหานี้เป็นโจทย์ของประเทศ ดังนั้น ระบบเหล่านี้จะเข้ามาช่วยให้มีข้อมูลเป็นดิจิทัล ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง รพ. และการนำข้อมูลกลับมาสู่ผู้ป่วย

 

“รพ.ที่มาร่วมกับเอเวอร์ส่วนใหญ่เป็น รพ.ภาครัฐ เพราะมีความต้องการส่งตัวผู้ป่วยให้รักษาผู้ป่วยให้ดีขึ้น เช่น จาก รพ.สต. ไป รพ.ศูนย์ จะมีค่าใช้จ่ายสูงมากในการทำตรวจแล็บใหม่ซ้ำไปซ้ำมา หรือส่งตัวผู้ป่วยแต่ข้อมูลไม่ตามมา ขณะเดียวกัน ฝั่ง รพ.เอกชน ผู้ป่วยสามารถขอข้อมูลเวชระเบียน และมากรอกในระบบเองได้ รวมถึง ผลการตรวจแล็บต่างๆ ที่สามารถนำเข้าระบบได้เช่นกัน”

 

รู้จัก EVER \"กระเป๋าสุขภาพ\" เชื่อมข้อมูล ส่งต่อ-รักษา ทั่วโลก

ป้องกันก่อนเป็นโรคร้าย

 

ทั้งนี้ เอเวอร์ ไม่ได้เก็บข้อมูลสุขภาพอย่างเดียว แต่ผู้ใช้งานยังสามารถเก็บข้อมูลอื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ทำต่อวัน การวิ่ง หัวใจ หรือกรอกข้อมูลค่าน้ำตาลในเลือด เป็นต้น เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญที่จะให้แพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยระยะยาว สามารถใช้เป็นข้อมูลในการป้องกันก่อนที่จะเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงได้

 

“หากข้อมูลสุขภาพเข้ามาอยู่ในมือ การไปเจอแพทย์อีก รพ.หนึ่ง หรือ การรักษานอก รพ. หรือการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อรักษาตัว สามารถใช้ข้อมูลสุขภาพที่อยู่กับตัวเองได้เลย และมีการเก็บข้อมูลในระบบที่ปลอดภัยมาก ผู้ป่วยถือครองข้อมูลเองทั้งหมด และสามารถเก็บข้อมูลของตัวเองได้ นอกจากนี้ ยังเพิ่ม AI Model ทำงานโดยไม่มีการดึงข้อมูลออกไปเซิร์ฟเวอร์ข้างนอก แต่อยู่ในระบบของตัวเอง แปลว่าข้อมูลจะได้รับความปลอดภัย ไม่มีใครสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้โดยที่เราไม่รู้"

 

“เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยเป็นเจ้าของข้อมูลอย่าง 100% ด้วยบล็อกเชน หรือ Web 3.0 ความปลอดภัยสูง ดึงทุกอย่างกลับมาที่ผู้ป่วย ไม่มีใครเข้าถึงข้อมูลได้นอกจากผู้ป่วยจะยินยอม เชื่อมั่นได้ว่าจะเป็นเจ้าของข้อมูลแต่เพียงผู้เดียว”

 

ขณะเดียวกัน ยังได้ทำระบบสำหรับประเทศไทย คือ ส่งยาถึงบ้าน ภายในระยะเวลา 20-30 นาที โดยเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ “เภสัชชุมชน” ใกล้บ้าน จับคู่ร้านยาให้กับผู้ป่วย ให้สามารถส่งยาถึงบ้านในระยะเวลาสั้นๆ ได้ เน้นเภสัชชุมชนใกล้บ้าน รวมถึงสามารถปรึกษาแพทย์ รับใบสั่งยา และนำใบสั่งยา มารับยา เพื่อส่งถึงบ้านได้ ตอนนี้เริ่มในเขตกทม. และตั้งเป้าขยายไปยังเขตหัวเมืองต่างๆ ต่อไป

 

หนุน Medical Tourism

 

นอกจากนี้ แอปฯ EVER ยังมีการพัฒนา EVER Healthcare แพลตฟอร์ม การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) สำหรับค้นหา ปรึกษา และจองบริการทางการแพทย์และความงาม ที่รวบรวมบริการต่าง ๆ จากคลินิกและโรงพยาบาลกว่า 14,000 แห่งทั่วโลก เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและเลือกบริการด้านสุขภาพที่ตรงกับความต้องการของตนเองมากที่สุด

 

โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเข้ารับบริการทางการแพทย์ในต่างประเทศ อีกทั้ง ยังมีบริการให้คำปรึกษาโดยทีม Care Concierge ที่พร้อมเป็นผู้ให้ข้อมูลและคำแนะนำในการเตรียมพร้อมก่อนเข้ารับบริการ รวมถึงช่วยวางแผนการเดินทาง เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์การรักษาที่ดีที่สุด

 

ระบบดังกล่าวสามารถจอง รพ. และ จองคลินิก รวมถึงแชร์ข้อมูลของเราไปให้แพทย์ได้ ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น แต่ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิตาลี ตะวันออกกลาง สามารถอัพโหลดข้อมูลในระบบของเอเวอร์ และจองการแพทย์มาที่ไทยได้เช่นกัน โดยข้อมูลจะอยู่กับผู้ป่วย เพื่อสามารถติดตามการรักษาได้ ผู้ป่วยสามารถย้อนกลับไปดูข้อมูลทุกครั้งที่ทำการวินิจฉัย รักษาที่ รพ. ได้ สามารถเก็บได้ทั้งหมด

 

“การที่ผู้ป่วยเป็นเจ้าของข้อมูลตัวเอง ไม่ใช่ภาพในอีก 10-20 ปีข้างหน้า แต่เป็นสิ่งที่เราทำได้แล้ววันนี้ สามารถดิสรัปวงการการแพทย์ได้ทั้งหมดไม่ใช่แค่ในไทย แต่ทำได้ทั้งโลก” ภาณุสิชฌ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

รู้จัก EVER \"กระเป๋าสุขภาพ\" เชื่อมข้อมูล ส่งต่อ-รักษา ทั่วโลก