KCE ร่วงหนัก 11% หลุด 20 บาท รับต้นทุนราคาทองแดงพุ่ง 30% กระทบทั้งอุตสาหกรรม

KCE ร่วงหนัก 10% หลุด 20 บาท โบรกชี้มีสาเหตุมาจากปัจจัยต้นทุนที่เกี่ยวโยงกับราคาทองแดงที่ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 12,000 ดอลลาร์/ตัน โดยคาดว่าจะกระทบไปทั้งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวม
KEY
POINTS
- หุ้น KCE ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงกว่า 10% ทำให้ราคาซื้อขายหลุดระดับ 20 บาท
- สาเหตุหลักมาจากต้นทุนราคาทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) พุ่งสูงขึ้นกว่า 30% ตั้งแต่ต้นปี
- นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองแดงจะปรับตัวสูงขึ้นอีกจากความต้องการของดาต้าเซ็นเตอร์ และจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โดยรวม
- ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน
บรรยากาศการลงทุนในหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE วันนี้ (25 ธ.ค. 2568) เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน มีราคาปิดตลาดอยู่ที่ 18.50 บาท ลดลงมา 2.30 บาท หรือ 11.06% โดยทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 20.90 บาท และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 18.20 บาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า KCE ราคาร่วงลงอย่างรุนแรงในวันนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยต้นทุนที่เกี่ยวโยงกับราคาทองแดงที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าจะกระทบไปทั้งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวม
เมื่อไม่นานมานี้ ราคาทองแดงปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 12,000 ดอลลาร์/ตัน หรือเติบโตกว่า 30% หากนับตั้งแต่ต้นปี และในอนาคตคาดว่าจะปรับสูงขึ้นต่อเนื่องไปสู่ระดับ 13,000-14,000 ดอลลาร์/ตัน อันเป็นผลกระทบจากดีมานด์ของดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น
สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าหลักของ KCE เช่น แผงวงจรพิมพ์ ซึ่งใช้ทองแดงเป็นส่วนประกอบมากกว่า 15% เช่น ฟอยล์ทองแดง เกลือทองแดง การห่อหุ้มวงจรรวม (IC packaging) และทองแดงสำหรับเคลือบ
นอกจากนี้ KCE ยังได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ถึงแม้ว่าต้นทุนของ KCE จะเพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่รายได้กลับไม่ได้เติบโตขึ้นตามเนื่องจากถูกกดดันจากปัจจัยเรื่องค่าเงิน ซึ่งทำให้ส่วนต่างกำไรของบริษัทหดแคบลง
ราคาทองแดงที่ปรับขึ้นนี้ คาดว่าจะกระทบไปทั้งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้ง HANA และ DELTA ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักล้วนมีทองแดงเป็นส่วนประกอบ เช่น ลวดทองแดง อแดปเตอร์จ่ายไฟ และวงจรแปลงไฟ ในขณะที่ CALCOM และ SVI ซึ่งเป็นธุรกิจรับจ้างประกอบอาจได้รับผลกระทบน้อยกว่า
มองไปข้างหน้า นายกิจพณคาดว่าราคาทองแดงจะปรับสูงขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 13,000-14,000 ดอลลาร์/ตัน และบริษัทอาจต้องใช้เวลาในการดำเนินการปรับสัดส่วนการขายเพื่อลดผลกระทบ ดังนั้น กว่าเราจะเห็นผลของการฟื้นตัวที่ชัดเจนก็อาจลากยาวไปถึงช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2569
นายภูวดล ภูสอดเงิน นักกลยุทธ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า
ทุกการเพิ่มขึ้นของราคาทองแดง 1,000 ดอลลาร์/ตัน จะกระทบอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท KCE ราว 1.5% หากต้นทุนราคาทองแดงเฉลี่ยของ KCE ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 9,500 ดอลลาร์/ตัน เมื่อราคาทองแดงปรับขึ้นสู่ระดับ 12,000 ดอลลาร์/ตัน จะกดดันอัตรากำไรขั้นต้นให้หดตัวราว 3% ภายในไตรมาส 1 ปี 2569
ข้อมูลจาก Morgan Stanley ชี้ว่า การเติบโตของความต้องการใช้ทองแดงทั่วโลก จะเพิ่มขึ้นอีก 2.1% ในปี 2560 โดยปริมาณการใช้งานทองแดงจะเพิ่มจาก 500,000 เป็น 740,000 ตัน คิดเป็นแรงหนุนต่ออัตราการเติบโตของดีมานด์ทองแดงราว 0.6% ขณะเดียวกันในฝั่งของซัพพลาย ปริมาณทองแดงที่ได้จากเหมืองกลับแทบไม่เพิ่มขึ้น สิ่งนี้ทำให้นักวิเคราะห์ประมาณการว่า ตลาดทองแดงในปีหน้าอาจจะขาดดุลได้ถึง 600,000 ตัน
อัพเดตข้อมูลเพิ่มเติม 25 ธ.ค. เวลา 21:10 น.







