ลุ้น “Santa rally” โอกาสเกิด 80% โบรกมองดัชนีบวกต่อรับธีมเลือกตั้ง

ลุ้น “Santa rally” โอกาสเกิด 80% โบรกมองดัชนีบวกต่อรับธีมเลือกตั้ง

โบรกชี้มีโอกาสเกิด “Santa Rally” สูงถึง 80% เป็นของขวัญแด่นักลงทุนในวันคริสต์มาส โดยได้แรงหนุนมาจากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน Thai ESG และ RMF ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี พร้อมมองดัชนีบวกต่อรับธีมเลือกตั้งปี 69

KEY

POINTS

  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามีโอกาสเกิดปรากฏการณ์ “Santa Rally” สูงถึง 80 % โดยมีแรงหนุนสำคัญมาจากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน Thai ESG และ RMF ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
  • มีปัจจัยหนุนดัชนีบวกต่อจากธีมเลือกตั้ง (“Election Rally”) ปี 2569  ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก
  • ในช่วงที่ดัชนีค่อย ๆ ปรับขึ้น จะเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะมีโอกาสเข้าซื้อทำกำไรใน “หุ้นแล็กการ์ด” (laggard)

“Santa Claus Rally” เป็นปรากฏการณ์ในโลกการลงทุนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมักจะปรับขึ้นได้ดีในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี ซึ่งจะตรงกับช่วงหลังเทศกาลวันคริสต์มาสไปจนถึงช่วงวันหยุดปีใหม่ คล้ายกับเป็นของขวัญจากแซนต้าที่มอบให้แก่นักลงทุนไม่เว้นแม้แต่นักลงทุนไทย

ในปีนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามี “แนวโน้ม” ที่จะเกิดปรากฏการณ์นี้ “สูงถึง 80%” โดยมีความพิเศษคือมาพร้อมกับธีมเลือกตั้งหรือ “Election Rally” ซึ่งถือเป็นสัญญาณในทางบวกต่อตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า

ลุ้น “Santa rally” โอกาสเกิด 80% โบรกมองดัชนีบวกต่อรับธีมเลือกตั้ง

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปิดเผยว่า โดยปกติแล้วตลาดหุ้นทั่วโลกมักจะปรับตัวเป็นบวกในช่วงสิ้นปี หรือในช่วงที่เรียกกันว่า “Santa Claus Rally”  

“ตั้งแต่ช่วงโค้งสุดท้ายปี 2568 ไปจนถึงต้นปีหน้า หุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเป็นบวกต่อเนื่องจากปริมาณเงินที่ไหลเข้ากองทุน Thai ESG และ RMF ซึ่งได้เข้ามาเป็นปัจจัยเสริม ทั้งนี้ เราอาจเห็นดัชนีค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนปีใหม่เป็นต้นไป”

นอกจากนี้ ตลาดยังมีความคาดหวังต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยในช่วงการลงพื้นที่หาเสียง ซึ่งจะเป็นผลบวกแก่หุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL ทำให้อาจเกิดปรากฎการณ์ที่ดัชนีปรับขึ้นรับธีมเลือกตั้ง ต่อเนื่องจาก Santa rally ตั้งแต่ช่วง ม.ค. ถึง ก.พ. ปี 2569 เป็นต้นไป

นายวทัญมองว่า ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2568 ติดลบไปแล้วกว่า 10% ทำให้ดัชนีมีฐานที่ค่อนข้างต่ำ โดยในช่วงที่ดัชนีค่อย ๆ ปรับขึ้น จะเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะมีโอกาสเข้าซื้อทำกำไรใน “หุ้นแล็กการ์ด” (laggard) หรือหุ้นที่ราคายังปรับตัวขึ้นช้ากว่ากลุ่มอื่นหรือในอุตสาหกรรมเดียวกัน

สำหรับคำแนะนำในการลงทุน นักลงทุนควรเน้นหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่ยังมีราคาไม่แพง รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร เช่น SCB KKP ก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากให้ปันผลที่ค่อนข้างสูงที่ราว 7-8%