‘กลุ่ม รพ.’ ปี 69 ยึดคนไข้ต่างชาติโต โบรกชี้ ‘เศรษฐกิจไทย’ พ่นพิษ ทุบกำลังซื้อในประเทศอ่อนแอ

“เศรษฐกิจไทย” ชะลอตัว จากกำลังซื้อผู้ป่วยในประเทศ “ฟื้นตัวจำกัด” ด้านการเติบโตอุตสาหกรรมยังพึ่งพาการกลับมา “ผู้ป่วยต่างชาติ” เป็นหลัก “บล.บัวหลวง” ชี้โรงพยาบาลขนาดใหญ่จึงต้องหันไปโฟกัสกลุ่มต่างชาติ “บล.ทิสโก้” คาดแนวโน้มเติบโต 6-7% ลักษณะประคองตัว “บล.ยูโอบี เคย์เฮียนฯ” มองโครงสร้างพื้นฐานการแพทย์ไทยยังคงแข็งแกร่ง
KEY
POINTS
- โบรกเกอร์ชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวส่งผลให้กำลังซื้อของผู้ป่วยในประเทศอ่อนแอและฟื้นตัวจำกัด ทำให้ฐานผู้ป่วยชาวไทยมีแนวโน้มทรงตัว
- การเติบโตของอุตสาหกรรมโรงพยาบาลในปี 2569 จะถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติเป็นหลัก ทำให้โรงพยาบาลขนาดใหญ่ต้องหันไปมุ่งเน้นตลาดนี้มากขึ้น
- การฟื้นตัวได้รับแรงหนุนสำคัญจากผู้ป่วยกลุ่มตะวันออกกลาง (โดยเฉพาะคูเวต) ที่เริ่มกลับมาใช้บริการเกือบเป็นปกติ ขณะที่กลุ่ม CLMV ซึ่งมีอัตรากำไรสูงยังคงฟื้นตัวช้า
- บล.ทิสโก้คาดการณ์ว่าภาพรวม
“กลุ่มโรงพยาบาล” ปี 2569 คาดการฟื้นตัวจะเป็นไปอย่าง “ค่อยเป็นค่อยไป” โดยมีแรงหนุนจาก “ผู้ป่วยตะวันออกกลาง” ที่เริ่มกลับมาใช้บริการมากขึ้น ขณะที่ กลุ่ม CLMV ยังฟื้นตัวช้า ส่งผลให้การลงทุนในกลุ่มนี้ยังเน้นเลือกลงทุนรายตัว มากกว่าการเก็งกำไรทั้งกลุ่ม ท่ามกลางความไม่แน่นอนเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอก
นายปัญจพล แท่นศรีเจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ทิศทางกลุ่มโรงพยาบาลปี 2569 ยังเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัว โดยคาดอัตราการเติบโตของ GDP ในปี 2569 จะต่ำกว่าปี 2568 ส่งผลให้ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้ป่วยชาวไทยยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน
ทั้งนี้ ในภาพรวมอุตสาหกรรมโรงพยาบาลปี 2569 จะถูกขับเคลื่อนจาก “กลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติ” พบกลุ่มผู้ป่วยจากตะวันออกกลางเริ่มกลับมาใช้บริการในระดับใกล้เคียงปกติแล้ว ขณะที่กลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม คาดว่ายังไม่ฟื้นตัวในปี 2569 โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่เดินทางมารักษาโดยตรง ซึ่งหายไปอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ขณะที่ฐานผู้ป่วยในประเทศมีแนวโน้มทรงตัวมากกว่าการเติบโตจากข้อจำกัดด้านกำลังซื้อและสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้ออำนวย
สำหรับ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ อย่าง BDMS คาดรายได้รวมปี 2569 จะเติบโตราว 3-4% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การหายไปของผู้ป่วยกลุ่ม CLMV ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง จะส่งผลกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้น โดยปี 2569 BDMS อาจต้องเน้นกลยุทธ์ด้านราคาและการทำโปรโมชั่น ขณะที่ BH ยังคงโดดเด่นจากสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติที่สูงถึงราว 70%
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้นักลงทุนโฟกัสหุ้นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติสูงเป็นหลัก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังขาดปัจจัยกระตุ้นที่ชัดเจนขณะเดียวกันควรระมัดระวังการลงทุนในโรงพยาบาลที่พึ่งพาฐานผู้ป่วยชาวไทยเป็นหลัก จนกว่าจะเห็นความชัดเจนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐ ซึ่งคาดอาจต้องรอจนถึงช่วงไตรมาส 2 ของปี 2569 เพื่อประเมินทิศทางได้ชัดเจนมากขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า ทิศทางหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลยังมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศคูเวต ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาใช้บริการในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการลงทุนในกลุ่มโรงพยาบาลปี 2569 ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนระดับ Neutral เนื่องจากการเติบโตกำไรในปี 2568 ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ส่งผลให้การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับในปี 2569 กลุ่มโรงพยาบาลมีแนวโน้มเติบโตประมาณ 6-7% ซึ่งเป็นการเติบโตในลักษณะประคองตัวไม่ได้เร่งตัวแรงเหมือนในอดีต โดยยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนต่าง ๆ โดยเฉพาะท่องเที่ยวที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในกัมพูชา ซึ่งอาจส่งผลทางอ้อมต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้ป่วยต่างชาติ
ขณะที่ หุ้นเด่นกลุ่มโรงพยาบาล มอง PR9 เป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากมีฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ประกอบกับศักยภาพการเติบโตของรายได้ในระยะกลางที่ยังเปิดกว้างเทียบกับหุ้นโรงพยาบาลรายอื่นในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งนักลงทุนควรติดตามทิศทางการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญกำหนดทิศทางการเติบโตกลุ่มโรงพยาบาลปี 2569
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา รายได้จากผู้ป่วยกัมพูชาลดลงจากข้อจำกัดในการเดินทางข้ามพรมแดน ส่งผลกระทบต่อรายได้รวมของกลุ่มราว 3% อย่างไรก็ตาม มองว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะแย่ลงไปกว่าเดิม เนื่องจากโรงพยาบาลได้มีการปรับตัว ทั้งการใช้บริการแพทย์ทางไกล และการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสาขาในประเทศอื่นเพื่อลดผลกระทบ
ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยบวกจากการกลับมาของผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศคูเวต ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และช่วยชดเชยรายได้จากบางประเทศที่ยังฟื้นตัวช้า
ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม เนื่องจากราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว และเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงทางธุรกิจสูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล ขณะที่หุ้นโรงพยาบาลอื่น ๆ เช่น BH และ BCH คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการเช่นกัน แม้อัตราการเติบโตอาจไม่สูงเท่าช่วงก่อนหน้า เนื่องจากมีฐานรายได้ขนาดใหญ่แล้ว อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์ของไทยยังคงแข็งแกร่ง และสามารถรองรับแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุในระยะยาวได้เป็นอย่างดี







