“ตลาดหุ้นไทย” วันนี้ (22 ธ.ค. 2568) ปิดบวก 17.49 จุด ได้แรงหนุนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และ DELTA

"ตลาดหุ้นไทย" ในวันนี้ (22 ธ.ค. 2568) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,269.68 จุด โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.49 จุด หรือคิดเป็น 1.40% นักวิเคราะห์ชี้มีสาเหตุมาจากแรงซื้อหนุนในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่อย่าง DELTA ที่ปรับตัวขึ้นแรง
"ตลาดหุ้นไทย" ในวันนี้ (22 ธ.ค. 2568) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,269.68 จุด โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.49 จุด หรือคิดเป็น 1.40% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,270.16 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,258.74 จุด และมีมูลค่าซื้อขาย รวม 31,025.56 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- DELTA ราคาปิด 182.00 บาท เพิ่มขึ้น 13.00 บาท หรือ 7.69% มูลค่าซื้อขาย 3,163.70 ล้านบาท
- KBANK ราคาปิด 192.50 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 1.53% มูลค่าซื้อขาย 2,041.03 ล้านบาท
- AOT ราคาปิด 53.50 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.38% มูลค่าซื้อขาย 1,656.05 ล้านบาท
- PTT ราคาปิด 31.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.79% มูลค่าซื้อขาย 1,392.19 ล้านบาท
5. SCB ราคาปิด 135.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.37% มูลค่าซื้อขาย 1,150.35 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ภาพรวมดัชนีแกว่งตัวในทางบวก โดยปรับขึ้นในช่วงเช้าและทรงตัวในช่วงบ่าย จากการซื้อขายที่ยังคงกระจุกตัวในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็น DELTA, CCET หรือ HANA
นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของดัชนียังสอดคล้องกับตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับสูงขึ้นโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้เราอาจเห็นราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ค่อนข้างผันผวน จากการหลุดออกจาก SETESG ของ DELTA ที่ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันราคาหุ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วเกินไปซึ่งไม่เอื้อต่อธุรกิจส่งออก
ในขณะที่วันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเเกว่งตัวอยู่ในกรอบแนวรับ 1,250 จุด แนวต้าน 1,275 จุด โดยมีปัจจัยที่ต้องจับตามองได้แก่ การประกาศตัวเลขการส่งออกภายในประเทศ และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐ
ด้านกลยุทธ์การลงทุน : นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์แบบ Defensive โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ่า เช่น GULF ซึ่งมีราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับพื้นฐาน ทั้งยังได้ประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่า รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวอย่าง CENTEL ที่มีแนวโน้มเข้า SET50







