เจาะลึกหุ้นสหรัฐ 2026 ดัชนี 'ขึ้นแรง-ลงเร็ว' แบบรถไฟเหาะ

เจาะลึกตลาดหุ้นสหรัฐ ปี 2026 เหล่าสถาบันมองดัชนีผันผวนหนักแบบรถไฟเหาะ 'ขึ้นแรง-ลงเร็ว' เมื่อหุ้นกลุ่ม AI พาตลาดทะยานด้วยกระแส FOMO แนะนักลงทุนต้องพร้อมรับมือ ‘ทุกทิศทาง’
บลูมเบิร์กรายงานว่า นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ทั่วโลกทั้ง UBS, JPMorgan และ Citi ออกโรงเตือนว่า ปี 2026 จะเป็นปีที่ “ตลาดหุ้นสหรัฐ” เผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรง โดยมีสาเหตุหลักมาจากกระแส AI ที่กำลังขับเคี่ยวกันระหว่าง ความกลัวตกขบวนหรือ “FOMO” กับความกังวลว่าฟองสบู่จะแตก
ตลาดหุ้น ‘รถไฟเหาะ’
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าหุ้นกลุ่ม AI อาจเดินตามรอยนวัตกรรมเปลี่ยนโลกในอดีต เช่น ยุคอินเทอร์เน็ตที่ต้องเจอสภาวะ "รุ่งโรจน์ถึงขีดสุดและดิ่งลงเหว"
ปีหน้า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจได้ เห็นการเทขายหุ้นอย่างรุนแรง หรือร่วงเกิน 10% เนื่องจากกระแส AI ที่สร้างความหวังมหาศาลปะทะกับความกังวลว่านี่คือฟองสบู่ที่ใกล้แตก เมื่อฟองสบู่ยิ่งขยายตัว ยิ่งมีความอ่อนไหวต่อข่าวร้ายเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดการเทขายครั้งใหญ่สลับกับการกลับตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนยังไม่แน่ใจว่าฟองสบู่แตกจริงหรือไม่ จึงรีบกลับเข้าซื้อเพราะกลัวพลาดกำไร
ในปี 2025 หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ช่วยพยุงตลาดไว้จนความผันผวนดูเหมือนต่ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่านี่คือ "อันตรายที่ซ่อนอยู่"
นักกลยุทธ์จาก UBS มองว่าเมื่อปัจจัยมหภาค เช่น ดอกเบี้ย หรือภูมิรัฐศาสตร์ กลับมามีบทบาท ทำให้ดัชนี VIX มีโอกาสพุ่งสูงขึ้นอย่างผิดปกติ
JPMorgan คาดการณ์ค่าเฉลี่ยความผันผวนในปี 2026 จะอยู่ที่ราว 16-17 จุด แต่จะมีช่วงพุ่งกระฉูดเป็นระยะ
‘แทงกั๊ก’ ป้องกันความเสี่ยง
เมื่อทิศทางตลาดไม่ชัดเจน นักวิเคราะห์จึงแนะนำกลยุทธ์ที่เน้นกำไรจาก "ความเหวี่ยง" ของราคา แทนที่จะแทงว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงเพียงอย่างเดียว
UBS แนะนำให้ซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่ทำกำไรจากความผันผวนของ Nasdaq 100 เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของหุ้น AI ที่มีความอ่อนไหวสูง
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือ หนี้สิน และ รัฐบาลสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าบริษัทต่างๆ กำลังเข้าสู่ช่วงการเพิ่มหนี้สินครั้งใหม่เพื่อลงทุนใน AI ซึ่งจะนำไปสู่ความผันผวนของราคาหุ้นในที่สุด
รวมทั้ง รัฐบาลสหรัฐถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน "แหล่งกำเนิดความผันผวน" ที่สำคัญ ทั้งในแง่นโยบายเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง
ต้องพร้อมรับมือ ‘ทุกทิศทาง’
Bloomberg Intelligence สรุปทิ้งท้ายว่า ปี 2026 ไม่ใช่ปีที่จะมานั่งลุ้นว่าหุ้นจะขึ้นหรือลงอย่างเดียว แต่ต้องเตรียมตัวรับแรงกระแทกจากทั้ง 2 ฝั่ง
ด้านแรกคือ การป้องกันความเสี่ยงจากตลาด ‘ขาลง’ จากฟองสบู่แตก และด้านถัดมาคือ เตรียมรับความเสี่ยงจากตลาด ‘ขาขึ้น’
นอกจากนี้ แม้ว่า AI จะดูหอมหวาน แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองและหนี้สินภาครัฐจะเป็นตัวกระตุ้นให้ราคาหุ้น ‘ดีดขึ้น-ลง’ อย่างรุนแรง ซึ่งใครที่บริหารความเสี่ยงไม่ดีอาจบาดเจ็บหนักได้
ปี 2026 ไม่ใช่ปีสำหรับการลงทุนแบบ "ซื้อแล้วถือลืม" แต่เป็นปีที่ต้อง "เตรียมพร้อมทั้งขาขึ้นและขาลง"
อ้างอิง Bloomberg







