10 หุ้นปันผลสูงสายอสังหาฯ ที่สุดแห่งปี 68 อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง เปย์หนักสุดทะลุเกิน 10%

10 หุ้นปันผลสูงสายอสังหาฯ ที่สุดแห่งปี 68 อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง เปย์หนักสุดทะลุเกิน 10%

หุ้นปันผลสูง ได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างมาก กลุ่มอสังหาริมทรัพย์จ่ายเงินปันผลสูงกว่า 7-10% SIRI มากสุด 10.87%

KEY

POINTS

  • SIRI  อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 10.87%
  • SC  อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.70%
  • NOBLE  อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.67%
  • SPALI อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.53%
  • LH  อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.42%
  • QH  อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.27%
  • AP  อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.94%
  • LPN  อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.63%
  • SENA อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.58%
  • PSH  อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.77%

ช่วงนี้หุ้นปันผลสูง ได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างมาก ซึ่งนอกจากกลุ่มธนาคารที่โดดเด่นแลัว ยังกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (Property)ที่ขึ้นชื่อเรื่องอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield)สูงและต่อเนื่อง ซึ่้งหลายหลักทรพย์มีอัตราปันผลสูงกว่า 7-10% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากหรือพันธบัตรพอสมควร นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งกลุ่ม ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงเมื่อทิศทาง "ดอกเบี้ยขาลง" มาถึงเพราะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท และกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ตัดสินใจกู้ซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น กรุงเทพธุรกิจ พาไปสำรวจหุ้น อสังหา รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง ปันผลสูงสุุดตั้งแต่ต้นปีเกิน 10%

1.บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) SIRI 

  • อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 10.87% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.82 / 1.11 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน +4.58%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -23.89%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 3,029 ล้านบาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ในไตรมาส 4/68 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการมูลค่ารวมกว่า 18,360 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 5 โครงการ และแนวสูง 2 โครงการโดยเราคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอด Presales นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนส่งมอบโครงการแนวสูงที่สร้างใหม่ทั้งหมด 5 โครงการโดยมียอด Presales เฉลี่ยที่ 40-50% ในขณะที่ Backlog ตั้งแต่ 2568-2571 อยู่ที่ประมาณ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดรอรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/68 ราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนจากโครงการแนวสูงที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้ดีขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาส 4/68 จะมีการเร่งการส่งมอบเข้ามามากขึ้น เราจึงคงประมาณการปี 2568 และปี 2569 โดยคาดกำไรปกติที่ 4,112 ล้านบาท -16% YoY และ 4,310 ล้านบาท +5% YoY ตามลำดับเราคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 ที่ 1.52 บาท Upside Gain ราว 14.3% และคาดการณ์เงินปันผลครึ่งปีหลังของปี 2568 ที่ 0.06 บาท/หุ้นคิดเป็น Dividend Yield ที่ราว 4.3% คงคำแนะนำ “TRADING”

2.บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SC

  • ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.70% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 2.84 / 1.40 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน +5.77%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -35.55%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 921 ล้านบาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดการณ์กำไรปี 2569 ที่ 1,631 ล้านบาท +21.1%y-y เติบโตขึ้นจากคอนโด 2 แห่ง COBE Ratchada-Rama 9 และ COBE Kaset-Sripatum ครบกำหนดโอนเข้ามาเพิ่ม และ Engine2 ปัจจุบันมีโรงแรม 3 แห่ง จำนวน 545 ห้อง และคลังสินค้าพื้นที่รวม 1.4 แสนตรม. เริ่มดำเนินการได้เต็มปี 2569 ช่วยให้มีส่วนแบ่งขาดทุนลดลง 

ส่วนธุรกิจอสังหาฯปีหน้าคาดว่า มีการเปิดโครงการลดลง เน้นไปยังการลดระดับสต๊อกและปรับปรุงสินค้าให้มีความกระชับมากยิ่งขึ้น คาดว่าการปรับ Product จะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ GPM กลับมาสูงขึ้น น่าจะเริ่มเห็นสินค้าใหม่ออกมาในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2569 และจะเป็นปีที่เริ่มกลับมาสะสมที่ดินเพิ่มมากขึ้น อาจเห็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ (Engine3) ที่มีศักยภาพในปีหน้าเช่น Property service, Future living เป็นต้น

สำหรับแผน 5 ปีตั้งเป้าเติบโตกำไรมากกว่า 3.0 พันล้านบาท +17% CAGR ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าอสังหาฯ กว้างขึ้นใน segment ระดับราคาสูงที่มีอยู่เดิม ขยายส่วนของทาวน์โฮม, คอนโด (JV) และไปในจังหวัดท่องเที่ยวมากขึ้นเสริมด้วยการเติบโตในส่วนของ Engine2 โดย ตั้งเป้าโรงแรม 2,000 ห้อง, คลังสินค้า 6.0-7.0 แสนตรม. จะเข้ามามีสัดส่วนราว 30% ของกำไรเมื่อดีมานด์และซัพพลายอสังหาฯเริ่มกลับมาสมดุล ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 2-3ปี SC จะกลายเป็นบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ที่มีความได้เปรียบจากการกระจายในหลายธุรกิจและเป้าหมายการลดระดับหนี้ลง จะช่วยให้ธุรกิจแข็งแกร่งขึ้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนในระยะยาว ราคาพื้นฐานที่ 2.13 บาท แนะนำซื้อ

3.บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) NOBLE

  • ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.67% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 2.84 / 1.60 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน +0.93%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -19.26%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 715 ล้านบาท

ธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เข้าสู่ช่วงขาลง รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ฟื้นตัวหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะเดียวกัน การเข้าซื้อหุ้นใน STECON จะช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการขายเงินลงทุนเข้ามาในงบไตรมาส 3/2568 ส่งผลให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนจะปรับลดลงอย่างชัดเจน สอดรับกับกลยุทธ์ Asset Light ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารเงินทุน และเปิดโอกาสในการนำเงินไปต่อยอดลงทุนในโครงการใหม่ในอนาคต

4.บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) SPALI

  • ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.53% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 18.70 / 13.20 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน +2.92%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -3.30%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 2,677 ล้านบาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ไตรมาส 4/68 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 14,160 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการมูลค่ารวม 8,440 ล้านบาท และแนวสูงอีก 3 โครงการมูลค่ารวม 5,720 ล้านบาท เราคาดจะเป็นปัจจัยหนุนยอด Presales ให้สามารถเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY ในขณะที่ยอดโอนเราคาดทรงตัว QoQ เนื่องจากมีเพียงการระบายสต็อกเก่า โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทมี Backlog รอรับรู้รายได้ราว 14,205 ล้านบาท 

ทั้งนี้คงประมาณการกำไรปี 2568 และปี 2569  ไว้ที่ 4,512 ล้านบาท (-27.1% YoY) และ 5,149 ล้านบาท (+14.1% YoY) ตามลำดับและประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 ที่ 17.10 บาท Upside Gain ราว 7.5% อิง PER 6.5 เท่า (เทียบเท่า +0.5 SD บนค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)และคาดการณ์เงินปันผลครึ่งปีหลังของปี 2568 ที่ 0.40 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่ 2.5% เราคาดเห็นการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ แบบค่อยเป็นค่อยไป จึงคงคำแนะนำ “TRADING”

5.บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH

  • วัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.42% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 5.20 / 3.18 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน +9.20%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -24.75%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 2,999 ล้านบาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มปี 2569 เปิดโครงการลดลง แต่ปลายปี 2569 จะมีคอนโด วันเวลา ณ เจ้าพระยา มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ครบกำหนดโอน คาดหวังคอนโดจะเป็นตัวผลักดันรายได้อสังหาฯ ประเมินราคาโดยอิงวิธี SOTP ราคาพื้นฐานปี 69 ที่ 4.14 บาท คงคำแนะนำซื้อ

6.บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) QH

  • เฉลิม เกียรติธนะบำรุง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.27% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.76 / 1.15 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน +3.10%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -22.67%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 1,216 ล้านบาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ไตรมาส 4/68 เปิดตัว 3 โครงการ รวมมูลค่า 5,665 ล้านบาท โดยไฮไลท์เป็นโครงการลัดดารมย์ มอเตอร์เวย์ กรุงเทพกรีฑาด้วยทำเลที่ดีทำให้แบบบ้านไซต์ใหญ่สามารถขายได้ โดยมี Take up 4-5% ในช่วงที่เปิดตัว ส่วนแนวสูงยังคงใช้โปรโมชันต่อเนื่อง แต่เริ่มชะลอในโครงการ Q1 Sukhumvit ลง คาดแนวโน้มยอดขายชะลอลง q-q,ยอดโอนอ่อนตัว q-q เล็กน้อย ทดแทนกับ GPM พื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรชะลอตัวลง q-q จากยังไม่เห็นรายการพิเศษ LHFG เข้ามาเหมือนไตรมาสก่อนหน้าเบื้องต้นมองกำไรชะลอลง q-q และยังอ่อนตัวหากเทียบ y-y คาดปันผลปี 2568 ที่ 0.08 บาท (Interim 0.02 บาท) คิดเป็น Div. yield 6.2% จากราคาปัจจุบัน สูงกว่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 5.7%

ทั้งนี้ แนวโน้มปี 2569 ไม่มีเปิดโครงการใหม่ เป็นภาพการขายโครงการที่เปิดตัวในช่วงสิ้นปีนี้ต่อเนื่อง และลดระดับสต๊อก โดยเน้นก่อสร้างในโครงการที่มีอยู่โดยทำสินค้าและราคาให้มีความกระชับขึ้นเพื่อสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันราคาพื้นฐาน 1.40 บาท/หุ้น อิงวิธี SOTP เรามองว่าทิศทางธุรกิจอสังหาฯ ของ QH ยังไม่กลับมาพื้นตัวในปีหน้า สำหรับการลงทุนยังคงสามารถรอได้ และลงทุนเน้นปันผลเป็นหลัก บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินค่อนข้างปลอดภัย Net IBD to Equityที่ 0.25 เท่า ต่ำที่สุดในกลุ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 1.1 เท่าเราปรับกำไรปี 2569 ลง 2.5% มาที่ 1,565 ล้านบาท -5.3%y-y และปรับ Discount ของเงินลงทุนเป็น 40% เพื่อให้ราคาเหมาะสมกับปัจจุบันและให้เหมาะสมกับ yield ปรับลดราคาพื้นฐานปี 69 ลงมาที่ 1.40 บาทคงแนะนำ “ซื้อ”

7.บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) AP

  • อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.94% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 9.25 / 5.60 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน +1.76%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี +6.79%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 3,024 ล้านบาท

บล.กรุงศรี ระบุว่า ในช่วง 2-3ปี ข้างหน้า AP มีแนวโน้มการเปิดโครงการใหม่ยัง aggressive กว่ากลุ่มฯ ทาให้โอกาสการเพิ่ม market share น่าจะทาได้ต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่ม low-rise มีแผนขยาย portfolio ในกลุ่มต่างจังหวัดเป็นสัดส่วน 10% ของ portfolio รวม (จาก 5% ในปัจจุบัน) 

ขณะที่กลุ่ม condo ยังให้น้าหนักกลุ่มกลางซึ่ง AP เป็นผู้นาตลาดและคาดsupply ใหม่ยังน้อย และมีแผนลงทุนในธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับ real estatev และ คุม net IBD/E ไม่เกิน 0.7x-0.8x ถึงแม้ขยายการลงทุนมากซี่งเป็นระดับที่ healthly แต่ไม่เสียโอกาสเติบโตเราคงในปี 2569 ที่ 11.50 บาท คงแนะนำซื้อ เนื่องจากจุดเด่นจากการเพิ่ม market share ต่อเนื่องซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเติบโตในระยะยาวรวมถึงเป็นบริษัทที่ได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคาทำให้รักษาเปอร์เซ็นต์ GPM ในระดับที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯราคาปัจจุบันtrade ที่ปี 2569 PER 5.3x และคาดปันผลจ่ายสูง 7.0% มองผลตอบแทนน่าสนใจบน valuation ที่ไม่แพง

8.บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) LPN

  • ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.63% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 2.78 / 1.55 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน -1.90%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -39.45%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 82 ล้านบาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรปกติ 9 เดือนปี 2568 ที่ 58 ล้านบาท (-75% YoY) คิดเป็น 45% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2568 ที่ 128 ล้านบาท (-17% YoY) เบื้องต้นเรายังคงประมาณกำไรในปี 2568 และ 2569 ไว้เท่าเดิม

ทั้งนี้คาดกำไรปกติไตรมาส 4/68 เติบโต QoQ และ YoY โดยมีโครงการสร้างเสร็จรอส่งมอบคือ EARN AMATA BY LPN มูลค่าโครงการกว่า 2,100 ล้านบาท (Gross Presales 30%) และมี Backlog รอรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/68 ราว 800 ล้านบาท ในขณะที่ยอด Presales คาดจะชะลอตัวลง QoQ เนื่องจากบริษัทฯไม่มีโครงการเปิดใหม่ในไตรมาส 4/68

อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการกำไรเดิมทั้งปี 2568 และ 2569 และคงราคาเป้าหมายณ สิ้นปี 2569 ที่ 1.80 บาท Upside Gain 10.4% และคาดการณ์เงินปันผล 2568 ที่ 0.03 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 1.9% ต่อปีและคงคำแนะนำ “TRADING” 

9.บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) SENA

  • เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.58% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 2.26 / 1.54 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน -3.98%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -23.87%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 288 ล้านบาท

บริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) SENA เดินเกมรุกปี 2569 รับเทรนด์ “ยุคทองเช่า–เช่าซื้อบ้าน” พุ่งแรงจากเศรษฐกิจผันผวนและแบงค์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ดัน 2 โซลูชั่น LivNex (เช่าออมบ้าน) และ RentNex (เช่าตรง) เป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค ตั้งเป้าเป็นเจ้าตลาดเช่าซื้อกว่า 3,000 ยูนิต สร้างพอร์ต Recurring Income เป็นรายได้ใหม่ที่เติบโตต่อเนื่องในระยะยาว

10.บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) PSH

  • ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
  • อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.77% 
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 8.25 / 3.52 บาท
  • ราคาย้อนหลัง 5 วัน -1.09%
  • ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -53.92%
  • กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 196 ล้านบาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ไตรมาส 4/68 บริษัทฯ มีแผนส่งมอบโครงการสร้างเสร็จใหม่ทั้งหมด 7 โครงการแบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการ (presales 5-10%) และแนวสูงอีก 4 โครงการ (presales 10-40%) ยอด presales ทั้งหมดราว 2,500 ล้านบาท คาดเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนยอดโอนในไตรมาส 4/68 ให้เติบโตได้ QoQ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 6 แห่งมูลค่า 6,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 5 โครงการมูลค่า 5,500 ล้านบาท และแนวสูง 1 โครงการมูลค่า 1,200 ล้านบาท คาดกระตุ้นยอด Presales ไตรมาส 4/68 ในขณะที่ยอด Backlog ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 5,200 ล้านบาท และจะเป็นยอดรับรู้ในไตรมาส 4/68 ราว 4,084 ล้านบาท แต่ปัญหาทางด้านการส่งมอบให้ทันตามกำหนดและการแข่งขันทางด้านราคายังคงเป็นปัจจัยกดดันในไตรมาส 4/68

ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรของปี 2568 และ 2569 ที่ 295 ล้านบาท (-1.1% YoY) และ 301 ล้านบาท (+2.1% YoY) และคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 ที่ราคา 3.98 บาท และคาดจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังของปี 2568 ที่ 0.05 บาท/หุ้น คิดเป็น DividendYield. ที่ 1.3% คงคำแนะนำ “TRADING”