บล.ลิเบอร์เรเตอร์ คัด 8 หุ้นปันผลสูง ทะลุสูงสุดเกิน 9%

บล.ลิเบอร์เรเตอร์ คัด 8 หุ้นปันผลสูง ทะลุสูงสุดเกิน 9% นำโดย DIF ให้ผลตอบแทนปันผลสูงสุดที่ 9.5% จ่ายปีละ 4 ครั้ง แนะใช้กลยุทธ์ DCA รายเดือน หรือเข้าซื้อช่วง XD ตามมาด้วย PRM ให้ผลตอบแทนปันผล 8.9% จ่ายปีละ 2 ครั้ง คงประมาณการปันผลที่ 0.56 บาทต่อหุ้น แนะซื้อสะสมในกรอบ 5.50-6.30 บาท
KEY
POINTS
- DIF ให้ผลตอบแทนปันผลสูงสุดที่ 9.5% จ่ายปีละ 4 ครั้ง แนะใช้กลยุทธ์ DCA รายเดือน หรือเข้าซื้อช่วง XD
- PRM ให้ผลตอบแทนปันผล 8.9% จ่ายปีละ 2 ครั้ง คงประมาณการปันผลที่ 0.56 บาทต่อหุ้น แนะซื้อสะสมในกรอบ 5.50-6.30 บาท
- ICHI ให้ผลตอบแทนปันผล 8.7% จ่ายปีละ 2 ครั้ง แนะทยอยซื้อสะสมในแนว 9.80-12.50 บาท
- TISCO ให้ผลตอบแทนปันผล 7.2% จ่ายปีละ 2 ครั้ง แนะรอซื้อที่แนวสะสม 90-94 บาท
- OSP ให้ผลตอบแทนปันผล 7.0% จ่ายปีละ 2 ครั้ง แนะซื้อสะสมในแนว 14.00-16.00 บาท
- TTW ให้ผลตอบแทนปันผล 6.7% จ่ายปีละ 2 ครั้ง คาดการณ์ปันผลปีละ 0.60 บาทตามเดิม แนะทยอยสะสมในแนว 8.60-9.30 บาท
- SAK ให้ผลตอบแทนปันผล 6.5% จ่ายปีละ 1 ครั้ง แนะจับตาผลกระทบน้ำท่วมก่อนเข้าลงทุน
- M ให้ผลตอบแทนปันผล 6.4% จ่ายปีละ 2 ครั้ง ถูกนำเข้ามาแทน RATCH โดยมี upside จากราคาเหมาะสม 41.7%
จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอร์เรเตอร์ เปิดเผยว่า ไฮไลท์สำคัญของเดือนที่ผ่านมาคือ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐนัดสุดท้ายของปี 2568 ซึ่งผลลัพธ์ออกมาถือว่าเป็นไปตามคาด กล่าวคือ Fed ลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 3.50%-3.75% พร้อมๆกับการเปิดเผย Dot plot ซึ่งชี้ไปตามเดิมว่ามีความประสงค์จะลดอกเบี้ย 1 ครั้งปีหน้า และอีก 1 ครั้งในปีถัดไป ขณะเดียวกันก็มีการปรับคาดการณ์ GDP ปีหน้าขึ้นเป็น +2.3% และเงินเฟ้อในปีหน้าปรับลงเป็น 2.4% อีกด้วย เหล่านี้สะท้อนว่า Fed เชื่อมั่นว่าตนเองเดินมาถูกทางแล้ว
ขณะเดียวกัน SET index แกว่งตัวในกรอบ 1248-1280 จุด เนื่องจากยังติดอยู่ในวังวนของปัญหาการเมืองในประเทศ, ผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ และ การปะทะยืดเยื้อที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา กอรปกับ Valuation ของ SET index ที่ไม่จูงใจ โดยเคลื่อนไหวที่ P/E25E ที่ 14.7-15.0 เท่า อย่างไรก็ดีพอร์ต Dividend เย็นใจ ทำงานได้ดี ให้ผลตอบแทน +1.3% มากกว่า SET index ที่ +0.3%
แม้ว่าอัตราเร่ง (slope) ของ Dot plot จะไม่ชันลงแรงอย่างที่ตลาดคาดหวัง แต่อย่างน้อยก็แสดงว่าเรายังคงอยู่ในวงจรดอกเบี้ยขาลง ซึ่งต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ กำลังส่งตัวแทนเข้ามาเป็นประธาน Fed คนใหม่กลางเดือน พ.ค.2569 ซึ่งตลาดเชื่อว่า วัตถุประสงค์หลักคือการผลักดันการลดดอกเบี้ยนั่นเอง นั่นจึงทำให้เราเชื่อว่าอุปสงค์ในหุ้นปันผลจะยังคงดีอยู่ในปีหน้า
ทั้งนี้ เราถอด RATCH ออกจากพอร์ตเนื่องจากอันดับผลตอบแทนได้หลุด Top 50 ไปแล้ว โดยผลตอบแทนปันผลลดเหลือเพียง 5.6% จากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง เรานำ M เข้ามาทดแทน ซึ่งความกังวลเรื่องการแข่งขันในสงครามสุกี้ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาจนน่าสนใจ และ Dividend yield ขยายเพิ่มเป็น 6.4% ขณะที่ upside จากราคาเหมาะสมก็กว้างขึ้นเป็น 41.7% บน P/E25E ที่ 16.8x กำไรที่ไม่พุ่งแรงดังตลาดหวังใน 3Q25 ส่วนหนึ่งเกิดจากอยู่ในช่วงเร่งขยายสาขาให้ทัน High season ในไตรมาสสุดท้าย แต่ทว่าสัญญาณ SSSG ที่พลิกเป็น “บวกรายเดียว” +5.4% (เฉพาะ ก.ย. +12.0%) ทำให้เชื่อว่า M กำลังจะเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวตั้งแต่ปลายปีนี้ จึงมีโอกาสได้ Capital gain เป็นของแถม
นโยบายคัดกรองหุ้นปันผล
- เป็นหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET ที่มีสภาพคล่องเพียงพอ ทำให้ซื้อขายได้ง่ายเมื่อต้องการ
- มีนักวิเคราะห์ในตลาดอย่างน้อย 2 รายทำการวิเคราะห์ และจัดส่งประมาณการกำไร และเงินปันผล ให้แก่ Bloomberg โดยข้อนี้จะทำให้สามารถติดตามแนวโน้มผลประกอบได้ และสามารถปรับแผนได้ทัน
- มีการจัดทำคะแนน Bloomberg ESG เพื่อสะท้อนความยั่งยืน โดยเงื่อนไขนี้ทำให้ REIT ไม่ได้ถูกรวมไว้ในการคัดกรองครั้งนี้
แนวคิดการเลือกหุ้นปันผล
- Dividend yield มากพอเหมาะสมกับความเสี่ยง
- จ่ายปันผลสม่ำเสมอ (ไม่นับรวมปันผลพิเศษ)
- แนวโน้มกำไร, กระแสเงินสด 2025 อยู่ในเชิงบวก
- ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมขาลง
- ความเสี่ยงทางการเงินต่ำ
- ราคาปัจจุบันไม่สูงกว่า ราคาเหมาะสมเฉลี่ย
- ไม่มีคดีความที่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินงาน
สำหรับหุ้นปันผลสูง มีดังนี้
ICHI ปันผล 8.7% จ่ายปีละ 2 ครั้งไตรมาส 4/68 กำไรมีแนวโน้มย่อตัวต่อจากไตรมาสก่อนเนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว, ลูกค้า OEM ผ่อนคันเร่ง, ผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ และยอดขายในกัมพูชา อย่างไรก็ดีคนละครึ่งพลัส คาดจะเข้ามาประคองทำให้แรงซื้อสินค้าจะอ่อนลง q-q ไม่มากนัก Bloomberg consensus ปรับเป้าปันผลลง 1 สตางค์เป็น 1.06 บาท/หุ้น หุ้นกลับมาอยู่ในแนวสะสม 9.80-12.50 บาทแล้ว ทยอยซื้อได้ หากไม่หลุด stop loss 9.45 บาท ยังถือลงทุนได้
DIF ปันผล 9.5% จ่ายปีละ 4 ครั้ง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ได้มีการแจ้งรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 10 อันดับแรก ปรากฏว่า TRUE ยังคงถือเท่าเดิม 20.55% ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแรงขึ้นของ TRUE ทำให้ DIF จะไม่ใช่แหล่งไฟแนนซ์เงินในระยะสั้นอีกต่อไปแล้ว หุ้นยังอยู่นอกแนวสะสม 7.60-8.00 บาท แนะใช้กลยุทธ์ DCA รายเดือน หรือใช้จังหวะ XD ในการเข้าซื้อ โดยหากไม่หลุด stop loss 7.50 บาท ก็ยังถือลงทุนได้
TTW ปันผล 6.7% จ่ายปีละ 2 ครั้ง แนวโน้ม ไตรมาส 4/68 ผลการดำเนินงานจะไม่เด่นนักตามฤดูกาลการใช้น้ำประปาที่น้อยลง รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ได้ผ่านช่วงพีคไปแล้วของ XPCL และ NN2 เรามองว่าประมาณการปันผลปีละ 0.60 บ. ยังเป็นไปตามเดิม ทยอยสะสมซื้อเพิ่มในแนวสะสม 8.60-9.30 บาท ไม่หลุด stop loss 8.50 บาท ยังถือลงทุนได้
TISCO ปันผล 7.2% จ่ายปีละ 2 ครั้ง ตลาดมองว่า ไตรมาส 4/68 กำไรจะหดตัว q-q และ y-y เนื่องจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง และความเสี่ยงในการตั้ง ECL ที่สูงขึ้นจากผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ โดย NPL คาดจะทรงๆตัวจากไตรมาสก่อนที่ 2.31% Bloomberg consensus ปรับเป้าปันผลปีนี้ลง 6 สตางค์สู่ 7.70 บาท/ หุ้น แนะรอคอยที่แนวสะสมเดิม 90-94 ไม่หลุด stop loss 90.00 บาท ลงทุนได้
PRM ปันผล 8.9% จ่ายปีละ 2 ครั้ง แนวโน้ม ไตรมาส 4/68 กำไรจะย่อลงเล็กน้อย q-q ตามฤดูกาลมรสุม ซึ่ง PRM ได้ใช้โอกาสนี้ในการนำเรือ VLCC เข้าซ่อมบำรุง รวมถึงการปรับต่อสัญญาใหม่ในเรือ AWB เป็นต้น เราคงประมาณการปันผลที่ 0.56 บาทตามเดิม หุ้นกลับเข้าแนวสะสม 5.50-6.30 บาท ไม่หลุด stop loss 5.10 บาท ลงทุนได้
OSP ปันผล 7.0% จ่ายปีละ 2 ครั้ง) ล่าสุดจับมือกับ YNBY Intl. เพื่อรุกตลาดจีนแล้ว โดยจะเริ่มส่งออกปลายปีนี้เป็นต้นไป แต่ นวค.คาดจะยังไม่มีนัยสำคัญต่อประมาณการนัก ส่วน 4Q25 คาดยอดขายฟื้น q-q จากฤดูการขายของใช้ส่วนบุคคล ส่วนภาพรวมปีหน้า ผบห.คาดรายได้โตเบาๆ +5% y-y Bloomberg consensus เพิ่มเป้าปันอีก 1 สตางค์เป็น 1.11 บาท/ หุ้น แนวสะสม 14.00-16.00 บาท ไม่หลุด stop loss 13.00 บาท ลงทุนได้
M ปันผล 6.4% จ่ายปีละ 2 ครั้ง แม้ในเชิงตัวเลขของผลการดำเนินงานจะยังไม่เด่นนักจากการอยู่ในช่วงขยายสาขาโบนัสสุกี้ ซึ่ง ผบห.ตั้งเป้า 16 สาขาปีนี้ และ 70-100 สาขาปีหน้า ทำให้ตลาดเชื่อว่าอัตรากำไรคาดจะเริ่มนิ่งและ/หรือ กลับมาขยายตัวได้เมื่อทุกอย่างลงตัวใน 2H26 เป็นต้นไป โดย Bloomberg consensus คาดปันผลปีนี้ 1.17 บาท/ หุ้น แนวสะสม 16.50-20.00 บาท หากไม่หลุด stop loss 15.00 ถือลงทุนได้
SAK 6.5% จ่ายปีละ 1 ครั้ง ผู้บริหารคาดว่าสินเชื่อจะกลับมาโตอีกครั้งใน 4Q25 หลังหดตัวแรงในไตรมาสก่อน ด้วยการเร่งขยายสาขา 50 สาขาในช่วง 1H25 คาดจะทำให้ช่วยเร่งยอดสินเชื่อได้ใน 2H25 อย่างไรก็ดีผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ เป็นประเด็นที่ต้องจับตา โดย Bloomberg consensus คงเป้าปันผลปีนี้ 0.21 บาท/ หุ้น หุ้นอ่อนตัวหลุดโซนสะสม 3.50-4.00 บาท แต่ไม่หลุด stop loss 3.30 บาท จับตาผลกระทบน้ำท่วมในต่างจังหวัดก่อน







