ลุ้น ‘วินโดเดสซิ่ง’ โค้งท้าย โบรกเกอร์เผย กองทุนปรับพอร์ต เทขายหนักตามเกณฑ์ดัชนีใหม่

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามีโอกาสเกิด Window Dressing สูงในช่วงโค้งสุดท้ายของปี แต่จะมาในรูปแบบของการปรับพอร์ตของกองทุนเพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ดัชนี SET50/SET100 และเกณฑ์ ESG ใหม่ มากกว่าการอัดฉีดเม็ดเงินใหม่
KEY
POINTS
- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามีโอกาสเกิด Window Dressing สูงในช่วงโค้งสุดท้ายของปี แต่จะมาในรูปแบบของการปรับพอร์ตของกองทุนเพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ดัชนี SET50/SET100 และเกณฑ์ ESG ใหม่ มากกว่าการอัดฉีดเม็ดเงินใหม่
- การปรับพอร์ตครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนการลงทุนระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector Rotation) และทำให้เกิดแรงเทขายในหุ้นบางตัวที่ไม่เข้าเกณฑ์ใหม่ เช่น DELTA แทนที่จะผลักดันให้ดัชนีโดยรวมปรับตัวขึ้น
- กระแส Window Dressing ในปีนี้ถูกมองว่าอาจเบาบางกว่าปีก่อนๆ เนื่องจากเม็ดเงินจากกองทุนลดหย่อนภาษีไม่คึกคัก และภาวะตลาดหุ้นที่ซบเซาทำให้นักลงทุนระมัดระวัง
- แรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติยังมีจำกัด โดยเงินที่ไหลเข้าเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และยังรอความชัดเจนด้านการเมือง และเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปีเริ่มกลับมาถูกจับตาอีกครั้ง หลังนักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่า มีโอกาสเกิดปรากฏการณ์ Window Dressing หรือการปรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนค่อนข้างสูง จากการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์สำคัญของตลาด ทั้งการคัดเลือกหุ้นเข้าออกดัชนี SET50/SET100 และเกณฑ์ ESG ใหม่ กระทบเงินลงทุนต่างชาติอาจเข้ามาอย่างจำกัด
กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และนักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย)ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเกิด Window Dressing ในช่วงที่เหลือของปีนี้ค่อนข้างสูง และอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้
ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดการปรับพอร์ตมาจากการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์สำคัญของตลาดจากการคัดเลือกหุ้นเข้าออกดัชนี SET50 SET100 รอบใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.69 รวมถึงการปรับใช้เกณฑ์ SETESG ใหม่ ตามมาตรฐานของ FTSE ส่งผลให้กองทุนแบบ Passive Fund จำเป็นต้องปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับเกณฑ์ใหม่
อย่างไรก็ตาม การเกิด Window Dressing ในรอบนี้ ไม่ได้เป็นปัจจัยที่จะผลักดันหุ้นไทยให้ปรับตัวขึ้น แต่ทว่าจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของการหมุนเวียนการลงทุนระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมมากกว่า เนื่องจากเป็นเพียงการโยกย้ายเม็ดเงินจากหุ้นบางตัวไปยังหุ้นอีกกลุ่มหนึ่ง โดยปริมาณเงินลงทุนโดยรวมยังคงเท่าเดิม
“การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นรายตัวมีแนวโน้มเห็นได้ชัดเจน เช่น DELTA ที่ปรับตัวลงแรงจากการไม่ได้รับ ESG Rating ซึ่งเป็นผลจากแรงขายของกองทุน Passive Fund ที่ต้องปรับพอร์ตตามเกณฑ์ใหม่”
สำหรับการลงทุนจากต่างชาติในระยะนี้ยังคงมุ่งไปที่ตลาดตราสารหนี้เป็นหลัก มากกว่าตลาดหุ้น ทำให้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังมีจำกัด ดังนั้นหากนักลงทุนคาดหวัง Window Dressing ไหลเข้าอาจไม่เป็นไปตามที่คาด
ขณะที่โอกาสเกิด Santa Rally ช่วงปลายปียังมีความเป็นไปได้ แต่ทว่ามีโอกาสเกิดไม่สูงนัก โดยกรอบดัชนีคาดว่าจะอยู่ประมาณ 1,340 จุด
ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า Windows Dressing ยังคงคาดหวังจะให้เกิด แต่กระแสในปีนี้ดูจะบางเบากว่าทุกปี ดูจากการเข้าซื้อกองทุน THAIESG ปีนี้ที่ไม่ได้ขยับมากนัก หลังจากที่มี THAIESGX การซื้อขายก็ยังไม่มาก และในเดือนนี้กองทุนหรือนักลงทุนสถาบันขายสุทธิไปแล้ว 7.5 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้กองทุนมีการเข้าซื้อบางเบา ไม่คึกคักสักเท่าไร แต่ทว่ายังมีความหวังว่ากระแส Windows Dressing อาจได้รับการทดแทนจากปัจจัยอื่น เช่น การเลือกตั้ง หรือการผ่อนคลายของแรงกดดันต่างๆ จากชายแดนกัมพูชา ลดน้อยลงน่าจะเห็นนักลงทุนอื่นๆ มาช่วยทำ Windows Dressing แทนมากขึ้น
โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยในการทำ Windows Dressing ทดแทนเข้ามา เนื่องจากภาพของค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทย ซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนจะชอบกระแสการปรับเปลี่ยน หรือการนำไปสู่เรื่องใหม่ด้านการเมือง จึงทำให้มีการทยอยสะสมของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในเดือนธ.ค.2568 นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยแล้ว 4.1 พันล้านบาท ซึ่งนับเป็นเดือนที่สองของปีนี้ โดยเดือนแรกที่เข้าซื้อสุทธิคือ ก.ค.2568 มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท แม้เป็นการเข้าซื้อสุทธิ 2 เดือนติด แต่ภาพทั้งปีต่างชาติยังขาดสะสมรวม 1.08 แสนล้านบาท
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตามสถิติโอกาสเกิด Window Dressing ในไตรมาส 4 สูงเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่น โดยมีโอกาสราว 69% และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกประมาณ 0.3%
ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนลดหย่อนภาษี ซึ่งมักไหลเข้าช่วงปลายปี โดยเฉพาะหลังช่วงคริสต์มาส ที่นักลงทุนทราบผลโบนัส และเริ่มวางแผนภาษี
อย่างไรก็ตาม Window Dressing ในปีนี้อาจเกิดขึ้นน้อยกว่าปีที่ผ่านมา จากเม็ดเงินลงทุนบางส่วนถูกดึงออกไปก่อนหน้า จากการขายกองทุนTHAIESGX ในช่วงพ.ค.-มิ.ย. ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นไทยที่ซบเซาต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทำให้นักลงทุนยังระมัดระวัง และบางส่วนยังไม่มั่นใจในการกลับเข้าลงทุน หลังเคยขาดทุนจากกองทุน LTF ในอดีต
สำหรับทิศทางเงินทุนต่างชาติแม้จะเห็นเงินทุนไหลเข้ามาในช่วงต้นเดือน แต่ยังเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น จากปัจจัยเงินบาทแข็งค่า ทั้งนี้ เงินทุนต่างชาติรอความชัดเจนด้านการเมือง และนโยบายเศรษฐกิจก่อนจะตัดสินใจกลับเข้าลงทุนอย่างจริงจัง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







