หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 3.95 จุด ลุ้น กนง.หั่นดอกเบี้ย โบรกชูหุ้นปันผลสูง-กลุ่มไฟแนนซ์เด่น

หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 3.95 จุด  ลุ้น กนง.หั่นดอกเบี้ย โบรกชูหุ้นปันผลสูง-กลุ่มไฟแนนซ์เด่น

ตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 17 ธ.ค. 2568 ปรับตัวขึ้น 3.95 จุด หรือ 0.31% มาอยู่ที่ระดับ 1,264.63 จุด โบรกเผย นักลงทุนมีความหวังกนง.จะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะนำหุ้นเด่นรับอานิสงส์จากการลดดอกเบี้ย ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มหุ้นปันผลสูง

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 17 ธ.ค. 2568 ปรับตัวขึ้น 3.95 จุด หรือ 0.31% มาอยู่ที่ระดับ 1,264.63 จุด
  • นักลงทุนมีความหวังว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ซึ่งโบรกเกอร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.25% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • โบรกเกอร์แนะนำหุ้นเด่นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการลดดอกเบี้ย ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ (TIDLOR, SAWAD, MTC) และกลุ่มหุ้นปันผลสูง (LH, ICHI, MAJOR)

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ 17 ธ.ค.2568 เวลา 10.00 น. ปรับตัวขึ้น 3.95 จุด หรือ 0.31% หรืออยู่ที่ 1,264.63 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,593.16 ล้านบาท

หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 3.95 จุด  ลุ้น กนง.หั่นดอกเบี้ย โบรกชูหุ้นปันผลสูง-กลุ่มไฟแนนซ์เด่น

ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ถึงภาพรวมตลาดหุ้นในช่วงเช้ายังอยู่ในลักษณะของ การทรงตัว หรือ Sideways เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามปัจจัยภายนอกหลายเรื่อง โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมา เช่น ข้อมูลตลาดแรงงานที่ค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นโลก รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัวลง ทำให้ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียได้รับผลกระทบตามไปด้วย
 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้ออาจสูงถึง 3.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบปี ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจนำไปสู่ภาวะ Stagflation ได้ นอกจากนี้ตลาดเฝ้าระวังการซื้อขายในรูปแบบ Yen Carry Trade ซึ่งเป็นกระแสที่เพิ่มขึ้นในโซเชียลมีเดียด้วย

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ยังคงมีความผันผวนต่อเนื่องจากประเด็นหุ้นที่หลุดออกจาก SETESG ตั้งแต่เมื่อวาน โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่อย่าง DELTA ซึ่งอาจสร้างความผันผวนต่อดัชนีในวันนี้ได้ส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ดี หุ้นที่อยู่ในโซนล่างเริ่มที่จะฟื้นขึ้น รวมถึงมีความหวังว่า วันนี้ (17 ธ.ค.2568) หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยหนุนให้ดัชนี หุ้นไทยที่ทรงตัวอยู่เริ่มค่อย ๆ ทยอยฟื้นตัวขึ้นมาได้

ทั้งนี้ สำหรับหุ้นเด่นอิงกับการปรับลดดอกเบี้ยที่ได้รับอานิสงส์คือหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ ได้แก่ TIDLOR, SAWAD, และ MTC รวมถึงหุ้นที่มีผลตอบแทนเงินปันผลสูง (High Dividend) อย่าง LH ICHI และ MAJOR

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอร์เรเตอร์ กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ต.ค. ลดลง 1.05 แสนตำแหน่ง มากกว่าคาดที่ประเมินลดลงเพียง 2.5 หมื่นตำแหน่ง แต่อย่างไรก็ดีตัวเลขจ้างงานเดือน พ.ย. กลับมาเพิ่มขึ้นราว 6.4 หมื่นตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ 5 หมื่นตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานขยับขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 4.6% สูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 4.5%

โดยสรุปพบว่าการจ้างงานในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. อาจชะลอบ้างแต่ก็ไม่แย่นัก แต่อย่างไรก็ดีตัวเลขรอบนี้ ตลาดจะไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก เนื่องจากมีปัจจัยเข้ามารบกวนคือเรื่องการเก็บข้อมูลในช่วงที่หน่วยงานรัฐฯหยุดทำการชั่วคราว (Government shutdown) ดังนั้น จึงแนะติดตามตัวเลขภาคแรงงานในเดือน ธ.ค. เพิ่มเติม รวมทั้งข้อมูลเงินเฟ้อที่จะรายงานในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาแนวโน้มดอกเบี้ย FED ในช่วงถัดไป

ส่วนปัจจัยในประเทศ วันนี้เกาะติดการประชุมคณะกรรมาการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเราคาด กนง. จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 1.25% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปีเผชิญกับหลากหลายปัญหา เช่น น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้, ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการประกาศยุบสภาฯ ซึ่งส่งผลให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นไม่สามารถดำเนินต่อได้ตามแผน จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงิน จากการลดดอกเบี้ยมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะสั้น

ผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดแนวโน้มไตรมาส 4/68 ยังสามารถเติบโตได้ โดยได้แรงหนุนจากโครงการลมในเยอรมนี และส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่มีแนวโน้มเร่งขึ้นต่อเนื่อง q-q จากการรับรู้ต้นทุนคลื่นที่ลดลงเต็มไตรมาส ผสานกับการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าใน US ที่มีการปรับค่าความพร้อมจ่ายเร่งขึ้น

"GULF ผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดแนวโน้มไตรมาส 4/68 ยังสามารถเติบโตได้ โดยได้แรงหนุนจากโครงการลมในเยอรมนี และส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่มีแนวโน้มเร่งขึ้นต่อเนื่อง q-q จากการรับรู้ต้นทุนคลื่นที่ลดลงเต็มไตรมาส ผสานกับการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าใน US ที่มีการปรับค่าความพร้อมจ่ายเร่งขึ้น ราคาเป้าหมาย 60 บาท"