S&P 500 ร่วงลงต่อ ตัวเลขการจ้างงานจุดชนวนความกังวลต่อเศรษฐกิจ  

S&P 500 ร่วงลงต่อ ตัวเลขการจ้างงานจุดชนวนความกังวลต่อเศรษฐกิจ  

ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่สามเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินตัวเลขการจ้างงานสหรัฐประจำเดือนพฤศจิกายนซึ่งเผยแพร่ออกมาล่าช้า

ซีเอ็นบีซี รายงานดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่สามในวันอังคาร (16 ธ.ค.68) ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินตัวเลขการจ้างงานสหรัฐประจำเดือนพฤศจิกายนซึ่งเผยแพร่ออกมาล่าช้า อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นจุดชนวนความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ

S&P 500 ดัชนีตลาดโดยรวมลดลง 0.24% ปิดที่ 6,800.26 ในขณะที่ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.23% ปิดที่ 23,111.46 ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 302.30 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 48,114.26

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ได้รับแรงกดดันอย่างมากในวันอังคาร โดยลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2021 หุ้นกลุ่มพลังงานก็ร่วงลงตามไปด้วย หุ้นของบริษัทน้ำมันรายใหญ่ Exxon Mobil และ Chevron ลดลงประมาณ 2% หุ้นอื่นๆ เช่น ConocoPhillips และ Marathon Petroleum ก็อยู่ในแดนลบเช่นกัน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รายงานการจ้างงานประจำเดือนพฤศจิกายนออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยแสดงให้เห็นว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 64,000 ตำแหน่งในเดือนนั้น ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยสื่อดาวโจนส์ คาดการณ์ว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 45,000 ตำแหน่งในช่วงเวลาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม BLS รายงานว่าในเดือนตุลาคมมีการจ้างงานลดลง 105,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% ซึ่งสูงกว่าที่สื่อดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ที่ 4.5% ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

โอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากตัวเลขการจ้างงานล่าสุด เนื่องจากเครื่องมือติดตามเฟด CME FedWatch แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมกราคม ผู้ค้าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยเฟดกำลังประเมินโอกาสที่ 24% ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งเท่ากับของวันก่อนหน้า

“ข้อมูลในวันนี้แสดงให้เห็นภาพของเศรษฐกิจที่กำลังพักหายใจ” จีนา โบลวิน ประธานของ Bolvin Wealth Management Group กล่าว “การเติบโตของการจ้างงานยังคงทรงตัว แต่เริ่มมีรอยร้าวเกิดขึ้น ผู้บริโภคยังคงยืนหยัดอยู่ แต่ไม่ได้เร่งใช้จ่าย การรวมกันของปัจจัยเหล่านี้ทำให้เฟดมีอิสระมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนนโยบายโดยไม่ทำให้ตลาดตื่นตระหนก และทำให้นักลงทุนมีเหตุผลที่จะมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์คุณภาพดี เน้นผลตอบแทน และธีมระยะยาวมากกว่าความผันผวนระยะสั้น”

วันจันทร์เป็นอีกวันที่ดัชนี S&P 500 และ Dow Jones ปรับตัวลง การลดลงของหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) ที่สำคัญส่งผลกระทบต่อตลาดโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Broadcom, Oracle และ Microsoft ปิดตลาดต่ำลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงขายทำกำไรจากหุ้นเอไอ ที่ราคาพุ่งสูงขึ้น และหันไปลงทุนในภาคส่วนอื่นๆ ของตลาด เช่น การดูแลสุขภาพและสาธารณูปโภค

“เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งที่หุ้นเอไอ และหุ้นเทคโนโลยีจะปรับตัวลงและพักตัว” เอริก ไดตัน ประธานและกรรมการผู้จัดการของ The Wealth Alliance กล่าวกับ ซีเอ็นบีซี

“มีความเสี่ยงหรือไม่? แน่นอน” เขากล่าวเสริม “แต่ตลาดนี้ไม่แข็งแรงหรือไม่? ไม่เลย จริงๆ แล้วเรากำลังเห็นการขยายตัวของตลาดในวงกว้างขึ้น”