PLANB แจงคดีสัมปทานสื่อ ขสมก. เรื่องเก่าเกือบ 20 ปี ศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว ข้อกล่าวหาไม่มีมูล

PLANB แจงคดีสัมปทานสื่อ ขสมก. เรื่องเก่าเกือบ 20 ปี ศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว ข้อกล่าวหาไม่มีมูล

PLANB ชี้แจงว่าข้อพิพาทเรื่องสัญญาสัมปทานสื่อกับ ขสมก. เป็นเรื่องเก่าเกือบ 20 ปี ซึ่งได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และมีคำตัดสินถึงที่สุดแล้ว ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่เกี่ยวข้องรวม 21 คดี โดยวินิจฉัยว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อบริษัทนั้น "ไม่มีมูลตามกฎหมาย"

KEY

POINTS

  • แพลน บี ชี้แจงว่าข้อพิพาทเรื่องสัญญาสัมปทานสื่อกับ ขสมก. เป็นเรื่องเก่าเกือบ 20 ปี ซึ่งได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และมีคำตัดสินถึงที่สุดแล้ว
  • ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่เกี่ยวข้องรวม 21 คดี โดยวินิจฉัยว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อบริษัทนั้น "ไม่มีมูลตามกฎหมาย"
  • คดีดังกล่าวไม่สามารถนำกลับมาฟ้องร้องซ้ำได้อีก และในบางประเด็นได้ขาดอายุความตามกฎหมายไปแล้ว
  • ในทางกลับกัน ศาลเคยมีคำพิพากษาลงโทษผู้ร้องเรียนในบางคดี และ ขสมก. เองก็เคยดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับผู้ร้องเรียนด้วย
  • บริษัทระบุว่าผู้ร้องเรียนมีประวัติถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีหมิ่นประมาท และฉ้อโกงหลายคดี ซึ่งกระทบต่อความน่าเชื่อถือของข้อกล่าวอ้าง

 บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อ และสื่อสังคมออนไลน์ พาดพิงถึงบริษัทเกี่ยวกับสัญญาสัมปทานสื่อโฆษณากับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัท

ทั้งนี้ Plan B ระบุว่า ข้อร้องเรียนที่มีการยื่นถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 เป็น ข้อพิพาทเก่าที่เกิดขึ้นมานานเกือบ 20 ปี โดยมีข้อเท็จจริงย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 และเป็นประเด็นที่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมครบถ้วนแล้ว

ศาลวินิจฉัยสิ้นสุด 21 คดี ข้อกล่าวหาไม่มีมูล

แถลงการณ์ระบุว่า ผู้ร้องเรียนได้ยื่นฟ้องบริษัท และบุคคลที่เกี่ยวข้อง และบริษัทได้ใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเช่นกัน รวมแล้วเป็นคดีทั้งสิ้น 21 คดี (เป็นคดีอาญาทั้งหมด) ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

ผลคำพิพากษาดังกล่าว สะท้อนอย่างชัดเจนว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อบริษัทไม่มีมูลตามกฎหมาย อีกทั้งไม่สามารถนำคดีเดิมกลับมาฟ้องซ้ำได้ และในบางประเด็นยังขาดอายุความตามกฎหมาย  

ศาลเคยลงโทษผู้ร้องเรียน

ในแถลงการณ์ Plan B ระบุเพิ่มเติมว่า ในคดีที่บริษัท และผู้เกี่ยวข้องเป็นโจทก์ ศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษผู้ร้องเรียนในบางคดี และในบางคดีผู้ร้องเรียนได้ให้ถ้อยคำต่อศาลว่าเป็นความเข้าใจผิด นอกจากนี้ ขสมก. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่ถูกพาดพิง ยังได้ใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับผู้ร้องเรียนด้วย  

บริษัทมองว่า การกล่าวอ้างในครั้งนี้เป็นการ รื้อฟื้นประเด็นเดิมที่ศาลได้วินิจฉัยยุติไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท รวมถึงผู้ถือหุ้น นักลงทุน คู่ค้า และสาธารณชน เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้

ชี้ประวัติข้อพิพาทของผู้ร้องเรียน

Plan B ระบุด้วยว่า ผู้ร้องเรียนเคยมีประวัติถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีหมิ่นประมาท และคดีฉ้อโกงผู้อื่นหลายคดี โดยข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาพฤติการณ์ และน้ำหนักความน่าเชื่อถือของข้อกล่าวอ้าง รวมถึงการหยิบยกประเด็นเดิมที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนกลับมากล่าวอ้างอีกครั้ง  

ยืนยันจุดยืน ยึดหลักธรรมาภิบาล และความโปร่งใส

Plan B ยืนยันว่า บริษัท เคารพ และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน และพร้อมเปิดเผยข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาที่เป็นลายลักษณ์อักษรของศาล ซึ่งได้ชี้ชัดมาแล้วหลายครั้งว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อบริษัทนั้นไม่มีมูลตามกฎหมาย

บริษัทระบุว่า การดำเนินธุรกิจของ Plan B ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมตระหนักว่าการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือขัดแย้งกับคำพิพากษาของศาล อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสีย และภาพลักษณ์ของตลาดทุนโดยรวม  

สงวนสิทธิ์ดำเนินการตามกฎหมาย

ท้ายแถลงการณ์ Plan B ระบุว่า จากการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง และคำพิพากษาของศาล ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง และผลประโยชน์ของบริษัท บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งทางแพ่ง และอาญา กับผู้ที่เกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างการเตรียมการดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

บริษัทขอให้ผู้ถือหุ้น นักลงทุน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป มั่นใจว่า Plan B ให้ความสำคัญสูงสุดกับข้อเท็จจริง ความโปร่งใส และพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นธรรม บนพื้นฐานของกฎหมาย และคำพิพากษาของศาล

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์