หุ้นไทยเปิดเช้านี้ บวก 4.29 จุด ยุบสภา หนุนกนง.ลดดอกเบี้ย

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ 12 ธ.ค. 2568  ปรับขึ้น 4.29 จุด หรือ 0.34% หรืออยู่ที่ 1,257.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6,339.24 ล้านบาท  
 

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี คาด SET วันนี้ “Sideways/Up” แนวต้าน 1,262-1,266 จุด แนว รับ 1,248-1,243 จุด  ยุบสภาฯ หนุนโอกาส กนง. ลดดอกเบี้ย  นายกฯประกาศยุบสภา แม้เร็วกว่าตลาดคาด

กรณี นายกฯ ประกาศยุบสภา คาด เลือกตั้ง 45-60 วัน ระยะสั้นหนุนโอกาสลดดอกเบี้ย กนง. สัปดาห์หน้า

ส่วนระยะกลาง คือ การเดินหน้าสู่การมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ จากรัฐบาลเสียงข้างน้อยในปัจจุบัน กติกาที่เป็นธรรมขึ้น การเลือกนายกฯขึ้นกับเสียง ส.ส. ทำให้พรรคชนะเลือกตั้งคาดจะได้นำจัดตั้งรัฐบาลทำให้มีโอกาสตลาดตอบรับทางบวก

ดังเช่นสถิติในอดีต ยุบสภา 5 ครั้งหลัง 1 วัน หลังยุบสภา SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.45% ส่วน 2 เดือนก่อนการเลือกตั้ง ในรอบกติกาเลือกตั้งปกติ (ปี 2005, 2007 และ 2011) ไปถึงช่วง Honeymoon Period  3-6 เดือนหลังเลือกตั้ง คาด Election Rally กรอบ 3-5% 

อุตสาหกรรมที่มักให้ผลตอบแทนเด่น คือ SET50 หุ้นอิงภายใน (ธนาคาร, เช่าซื้อ) จากแรงส่ง Fund Flows+กิจกรรมเศรษฐกิจคึกคักหาเสียง

แนะกลยุทธ์ให้อยู่ฝั่งซื้อ ภาพหลักนำไปสู่การเลือกตั้งจะได้รัฐบาลที่เสถียรภาพดีขึ้น อิงรอบเลือกตั้งที่มี Election Rally (ปี 2005, 2007 และ 2011) กรอบ 3-5% ใน 5-8 เดือน Theme เด่นวันนี้

1.) หุ้นอิงดอกเบี้ยขาลง (รอยต่อการเมือง ทำให้นโยบายการคลังหายไปชั่วคราว) เช่าซื้อ MTC, SAWAD Yield สูง ADVANC หนี้สูง CPALL, TRUE

2.) หุ้นอิงภายใน อาทิ ธนาคาร KBANK, KTB, , เช่าซื้อ MTC, SAWAD ค้าปลีก CPALL ที่มักปรับตัวขึ้นเด่นอิงกิจกรรมเศรษฐกิจก่อนเลือกตั้ง และช่วง Honeymoon Period รัฐบาลใหม่

3.) หุ้นอิงยอดขอ BOI เร่ง โดยเฉพาะ Data Center นิคม WHA ไฟฟ้า GULF, BGRIM     

🔅 (*/+) BOI: บอร์ด BOI อนุมัติยอดขอ BOI อีก 2.4 แสนล้านบาท กลุ่มเด่น คือ Data Center 2025 YTD สูง 5.78 แสนล้านบาท vs ยอดก่อนปี 2025 ที่ 3.75 แสนล้านบาท ชี้ต่างชาติกำลังดึงไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานเทคฯในอาเซียน เน้นนิคม โรงไฟฟ้า ที่คาดหวัง Upside กลาง-ยาวได้เพิ่มเติม

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเลเตอร์ คาด SET วันนี้ “ย่อตัว” ในกรอบ1,230-1,270 จุด สภาฯโหวตไม่เห็นด้วยกับการลดอำนาจ ส.ว. สะท้อนความขัดแย้งทางการเมือง นำไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ต้นปีหน้า โดยระยะสั้นเกิดสุญญากาศทางการเมือง

เข้าช่วงโค้งสุดท้ายของปี แต่ภาพการเมืองยังคงเข้มข้นขึ้น โดยล่าสุดวานนี้ที่ประชุมสภาฯมีการโหวตในมาตรการ 256/28 ว่าด้วยเกณฑ์โหวต โดยทางด้าน กมธ.เสียงข้างมากเสนอให้ใช้เสียงในการแก้รัฐธรรมนูญเพียงแค่ "เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภาฯ" โดยตัดเงื่อนไขเดิมที "ต้องใช้เสียงของ ส.ว. อย่างน้อย 1 ใน 3 เห็นชอบ"ทิ้งไป

แต่ในวาระการโหวตพบว่ามีเสียงของ ส.ส.พรรคภูมิใจบางส่วน "โหวตไม่เห็นด้วย" จนทำให้ ทางฝั่งไม่เห็นด้วย ชนะด้วยคะแนน 310 ต่อ 290คะแนน ซึ่งทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นการตัดอำนาจของ ส.ว. ไม่สำเร็จ

จุดนี้ อาจบ่งชี้ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ทำตาม MOA ที่ทำไว้กับพรรดประชาชน ซึ่งท้ายที่สุดนำไปสู่การประกาศยุบสุภาฯของนายอนุทิน ชาญวีรกูลในเวลาต่อมา ก่อนที่ทางด้านพรรคประชาชนจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้มาตรการต่างๆที่ยังคงค้างอยู่ เช่น โครงการคนละครึ่งเฟส 2, TISA, การลดค่าขนส่ง เป็นต้น ต้องหยุดชั่วคราว หรืออาจไม่ได้ไปต่อ โดยจะเข้าสู่เฟสการเตรียมตัวเลือกตั้งในช่วงถัดไป โดยจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60วัน หรือราวปลาย ม.ค. - ต้น ก.พ. ปีหน้า

เราคาด SET มีโมเมนตัมเชิงลบ จากการเกิดสุญญาศทางการเมืองในระยะสั้น โดยอดีตในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เกิดยุบสภา 5 ครั้ง พบว่าค่าเฉลี่ยของ SET ที่ลดลงมากสุด (%Max DD) ในช่วงยุบสภาฯอยู่ที่ -6.4% ดังนั้นอาจรอจังหวะย่อเน้นสะสมกลุ่มปันผลสูง