เปิดสถิติหุ้นไทยหลังการยุบสภา โบรกเกอร์เผยผันผวนระยะสั้น แนะเก็งกำไรหุ้นใหญ่

เปิดสถิติหุ้นไทยหลังการยุบสภา โบรกเกอร์เผยผันผวนระยะสั้น แนะเก็งกำไรหุ้นใหญ่

โบรกเกอร์เผย สถิติในอดีตชี้ว่า 1 วันหลังการยุบสภา ดัชนีหุ้นไทยมักปรับตัวลง 1.2%-1.4% แต่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ประมาณ 1.5% ภายใน 1 สัปดาห์ มองยุบสภาครั้งนี้เป็นปัจจัยบวกอ่อนๆ เพราะช่วยเร่งกระบวนการเลือกตั้งให้เร็วขึ้น แต่คาดว่าตลาดจะยังผันผวนในระยะสั้น แนะเป็นจังหวะเข้าซื้อหากดัชนีปรับตัวลงถึงแนวรับที่ระดับ 1,230-1,240 จุด กลยุทธ์เน้นเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Value หรือหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่โซนล่าง

KEY

POINTS

  • สถิติในอดีตชี้ว่า 1 วันหลังการยุบสภา ดัชนีหุ้นไทยมักปรับตัวลง 1.2%-1.4% แต่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ประมาณ 1.5% ภายใน 1 สัปดาห์
  • โบรกเกอร์มองว่าการยุบสภาครั้งนี้เป็นปัจจัยบวกอ่อนๆ เพราะช่วยเร่งกระบวนการเลือกตั้งให้เร็วขึ้น แต่คาดว่าตลาดจะยังผันผวนในระยะสั้น
  • นักวิเคราะห์แนะเป็นจังหวะเข้าซื้อหากดัชนีปรับตัวลงถึงแนวรับที่ระดับ 1,230-1,240 จุด
  • กลยุทธ์การลงทุนแนะให้เน้นเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Value หรือหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่โซนล่าง เช่น CPALL, PTT, GULF และ BDMS

บรรยากาศการเมืองไทยเปลี่ยนทิศอย่างฉับพลัน หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2568 เพื่อเปิดทางสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ภายหลังความขัดแย้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 256/28 ที่เกี่ยวกับอำนาจการให้ความเห็นชอบของวุฒิสภา ทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดุดและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ ทั้งนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง นักลงทุนหันมาจับตาผลกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (12 ธ.ค.2568) จะสร้างแรงกระเพื่อมต่อดัชนีมากน้อยแค่ไหน? 
 

กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และนักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า จากสถิติ 5 ครั้งของการยุบสภาพบว่า ผลกระทบของตลาดในระยะสั้น และระยะกลาง โดย 1 วันหลังยุบสภาดัชนีเป็นบวก โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น +0.9% ซึ่งส่วนใหญ่ตลาดมักจะมองเป็นปัจจัยบวกในทันที เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ขณะที่ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์หลังยุบสภาตลาดเริ่มมีการปรับตัวลง โดยเฉลี่ยลดลง -0.4% ซึ่งหมายถึงดัชนีกลับมาอยู่ที่ระดับเดิม และเมื่อผ่านไป 1 เดือนหลังยุบสภาตลาดติดลบอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉลี่ยลดลง -4.6%
 

ทั้งนี้ แม้ว่าในระยะสั้นเพียง 1 วันตลาดจะปรับตัวในแดนบวก แต่โดยรวมแล้วสถิติแสดงให้เห็นว่า ยังคงเกิดภาวะผันผวนระยะสั้นเช่นเดิม ซึ่งเกิดขึ้นเพราะหลังจากผ่านไปสักระยะประมาณ 45-60 วัน ความไม่แน่นอนจะเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น เนื่องจากตลาดยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นรัฐบาลชุดต่อไป

อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนทางการเมืองในปัจจุบันยังเพิ่มความไม่แน่นอน เช่น ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย และการที่พรรคประชาชนไม่ยอมรับพวกเขา ทำให้เกิดความสับสนว่าพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหนึ่งในสองพรรคหลักที่คาดว่าจะเป็นเบอร์ 1 หรือเบอร์ 2 จะเลือกใครมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับที่สาม"

"การยุบสภาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเรามองเป็นปัจจัยบวกอ่อนๆ สาเหตุที่มองเป็นบวกเนื่องจาก หากรัฐบาลยังคงทำงานโดยที่ต้องรอการเลือกตั้งนาน เช่น รัฐบาลทำงานต่อเพียง 4 เดือน มาตรการต่างๆ ก็จะไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ และการลงทุนต่างๆ ก็ต้องชะลอตัวลงเพื่อรอรัฐบาลชุดหน้า แต่เมื่อกระบวนการยุบสภาเกิดขึ้น ทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น หากนับไป 60 วันหลังการยุบสภา การเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2568 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมที่คาดว่าจะเป็นเดือนพ.ค.2569"

สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน แม้คาดว่าตลาดจะมีความผันผวนในวันนี้ (12 ธ.ค.2568) หากปรับตัวลดลงไปถึงระดับ 1,250-1,230 จุด จะถือเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อเพิ่ม โดยคำนวณจาก 1% ของ 1,250 จุด ซึ่งเท่ากับประมาณ 15 จุด ทำให้ระดับ 1,230-1,240 จุดเป็นแนวรับที่น่าสนใจในการเข้าซื้อช่วงนี้ ควรเน้นไปที่ หุ้นกลุ่ม Value หรือหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่โซนล่าง เช่น CPALL PTT GULF และ BDMS 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์