โบรกยก ‘กลุ่มนิคมฯ’ คึกคัก รับดีมานด์ ‘ดาต้า เซนเตอร์’ พุ่ง หนุน ‘กำไร’ โตแรง 

โบรกยก ‘กลุ่มนิคมฯ’ คึกคัก รับดีมานด์ ‘ดาต้า เซนเตอร์’ พุ่ง หนุน ‘กำไร’ โตแรง 

“กลุ่มนิคมฯ” แนวโน้มธุรกิจฟื้นตัวขานรับดีมานด์ “ดาต้า เซนเตอร์” และ “สงครามการค้าคลี่คลาย” รับไตรมาส 4/68 เข้าไฮซีชัน “บล.หยวนต้า” ชี้ปีหน้า “กำไร-รายได้” ดีขึ้น “บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล” มองแม้ “ความเสี่ยง” ยังอยู่ แต่การลงทุนเทคโนโลยีชั้นสูงยังต่อเนื่อง “บล.พาย” ชี้รัฐควรส่งเสริมลงทุน โดยเฉพาะการดึงดูด “เอฟดีไอ” หนุนกลุ่มนิคมฯ เติบโตระยะกลาง

กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนในไตรมาส 4 ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลธุรกิจสำคัญ หลังยอดพรีเซลในไตรมาส 3 ปี 2568 ทำจุดต่ำสุด ตัวเลขยอดโอนเริ่มปรับตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับการคลี่คลายของสถานการณ์สงครามการค้า ส่งผลให้กลุ่มนิคมฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและมั่นใจว่าผลประกอบการทั้งไตรมาส 4 ของปี 2568 และปีหน้า 2569 จะเติบโต ซึ่งไทยยังคงเป็นจุดหมายลงทุนที่น่าสนใจสำหรับ ดาต้า เซนเตอร์ ด้วยปริมาณไฟฟ้าที่เพียงพอและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้กลุ่มนิคมฯ ได้ประโยชน์จากการโตก้าวกระโดด

โบรกยก ‘กลุ่มนิคมฯ’ คึกคัก รับดีมานด์ ‘ดาต้า เซนเตอร์’ พุ่ง หนุน ‘กำไร’ โตแรง 

นายณัชพล แพรสีเจริญ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กลุ่มนิคมฯ จะเริ่มเห็นการฟื้นในไตรมาส 4 ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลของธุรกิจ โดยตัวเลขยอดโอนเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่วนยอดพรีเซลของไตรมาส 3 ปี 2568 น่าจะเป็นจุดต่ำสุด และไตรมาส 4 ปี 2568 จะเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมา ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนให้กลุ่มนิคมฯ ฟื้นตัวโดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์สงครามการค้าเริ่มคลี่คลาย

 

สำหรับแนวโน้มทิศทางในปี 2569 คาดว่ากำไรและรายได้ของกลุ่มนิคมฯ จะดีขึ้น เนื่องจากยอดโอนที่ฟื้นตัวในปีนี้จะไปหนุนผลประกอบการของปีหน้า แม้ว่ายอดพรีเซลในปีนี้อาจมีสะดุดบ้าง แต่กลุ่มนิคมฯ โดยทั่วไปซื้อขายอิงกับยอดพรีเซลอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ไทยยังคงเป็นจุดหมายลงทุนที่น่าสนใจสำหรับ Data Center เนื่องจากมีปริมาณไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการสูง และไฟฟ้าส่วนใหญ่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ นโยบาย Direct Power Purchase Agreement จะช่วยจัดการค่าไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 

สำหรับคำแนะนำการลงทุน มองว่าหุ้น WHA น่าสนใจกว่า AMATA เนื่องจาก WHA มี WHAUP ซึ่งเติบโตได้ดีใน 1-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะธุรกิจน้ำที่เชื่อมโยงกับ Data Center ซึ่งใช้ไฟฟ้าและน้ำในการทำความเย็นจำนวนมาก นอกจากนี้ WHA ยังดึง Google เข้ามาลงทุนทำให้ธุรกิจน้ำของ WHAUP ได้ประโยชน์โดยตรงจากการขยายตัวของศูนย์ข้อมูลในไทย

นายกรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์สายงานวิจัย บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมยังคงเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายภาษีของทรัมป์ ความผันผวนทางการเมือง และแรงเร่งลงทุนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่วนปัจจัยภายในประเทศ เช่น การฟื้นตัวเศรษฐกิจช้า ปัญหาน้ำท่วม และความจำเป็นที่รัฐบาลต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังต้องเฝ้าติดตาม

อย่างไรก็ตาม แม้ความเสี่ยงยังอยู่ แต่แนวโน้มการลงทุนในเทคโนโลยีชั้นสูงยังคงต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Data Center และ AI ที่มีอุปสงค์จากนักลงทุนต่างชาติสูง และไทยยังเป็นฐานสำคัญในการขยายตลาดของบริษัทข้ามชาติในกลุ่มอาเซียน

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยบวกค่าแรง ที่คาดว่าการปรับขึ้นจะค่อยเป็นค่อยไป หรือปรับเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ค่าแรงยังเป็นผลบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม

สำหรับคำแนะนำหุ้นในกลุ่มนิคมฯ ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด แนะนำ WHA แต่ยังคงแนะนำในลักษณะ Trading ช่วงระยะเวลา 3-6 เดือน และควรขายทำกำไรหากราคาปรับขึ้นสูง ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้ไม่เน้นปันผลสูงเหมือนกลุ่มธนาคารหรือสื่อสาร จึงเหมาะกับการเล่นเป็นรอบ เนื่องจากการซื้อที่ดินของกลุ่ม Data Center ยังคงสนับสนุนภาพใหญ่ของธุรกิจ

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า กลุ่มนิคมฯ ยังคงมีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4 ปี 2568 โดยเฉพาะ AMATA ซึ่งมีปัจจัยหนุนสำคัญจากการเข้ามาลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เพื่อจัดตั้ง Data Center ในไทย ซึ่งคาดกำไรไตรมาสนี้จะเติบโตต่อเนื่อง จากบริษัทยังมีที่ดินรอการรับรู้รายได้อยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังมีความท้าทาย โดยเฉพาะการบริโภคที่ชะลอตัว จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง และจำนวนผู้เดินทางท่องเที่ยวอาจลดลง มองรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งจะช่วยหนุนกลุ่มนิคมฯ ระยะกลาง

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะหนุนกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมในระยะกลาง คือ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาด Data Center และ Cloud Computing โดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จากสหรัฐฯ เช่น Amazon, Google และ Microsoft กำลังเร่งลงทุนใน Data Center หลังจากที่ลงทุนในสหรัฐไปมาก บริษัทเหล่าดังกล่าวเริ่มมองหาสถานที่ใหม่ ๆ สำหรับ Data Center และ Cloud

สำหรับคำแนนักลงทุน AMATA และ WHA จะได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว ทั้งสองเป็นผู้เล่นหลักในตลาดนิคมอุตสาหกรรมไทย ด้าน Valuation ของหุ้น AMATA มีความน่าสนใจด้านราคากว่าที่ P/E ประมาณ 6-7 เท่า ขณะที่ WHA อยู่ที่ 10-11 เท่า