โบรกเผย คาดหวังมาตรการ TISA ลดแรงกดดันตึงเครียดไทย-กัมพูชา

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างไทย กัมพูชาที่รุนแรงขึ้นอาจสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นไทย (SET) ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม มีการคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นการออม (TISA) จะสามารถช่วยลดแรงกดดันดังกล่าวต่อตลาดหุ้นได้
KEY
POINTS
- บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาที่รุนแรงขึ้นอาจสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นไทย (SET) ในระยะสั้น
- อย่างไรก็ตาม มีการคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นการออม (TISA) จะสามารถช่วยลดแรงกดดันดังกล่าวต่อตลาดหุ้นได้
- นอกจากโครงการ TISA แล้ว ปัจจัยที่ช่วยพยุงตลาดคือการที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยติดต่อกัน 5 วัน มูลค่า 4.7 พันล้านบาท
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า วานนี้ รมว.พาณิชย์ เผยว่าความขัดแย้งไทย-กัมพูชา กลับมาดุเดือดรอบใหม่ อาจมีผลต่อการปิดดีลเจรจากับสหรัฐฯ ตามเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้หากมองในแง่มุมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย สหรัฐฯ และกัมพูชา ถือเป็นประเทศหลักที่ไทยได้ดุลการค้าราว 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 8 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับ หรือคาดเป็นสัดส่วนรวมราว 27.7% ทำให้บ้านเรามีความเสี่ยงสูญเสียรายได้ด้าน NET EXPORTS (การค้าระหว่างประเทศ) ที่มีสัดส่วนราว 5%ของ GDP
ขณะที่แง่มมุมของตลาดหุ้น ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่รุนแรงขึ้น อาจสร้างความผันผวนต่อ SET ในช่วงสั้นๆและจากสถิติในอดีต เมื่อสถานการณ์ร้อนแรงถึงขีดสุด ตลอดจนใช้อาวุธร้ายแรง มักจะตามมาด้วยการเจรจาหาข้อยุติ และเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคาดหวังว่า 6 มาตรการกระตุ้นการออม จะช่วยลดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยลงได้บ้าง สำหรับรายละเอียด TISA ที่น่าสนใจ มีดังนี้
1.ทางเลือกเพิ่ม ซื้อหลักทรัพย์ และพันธบัตร นำไปลดหย่อนภาษีได้
2.ระยะเวลาถือครอง อย่างน้อย 5 ปี และต้องอายุเกิน 55 ปี
3.เม็ดเงินรวม ที่สามารลดหย่อนภาษีได้ 8 แสนบาทต่อป
4.ตัวคูณในการลดหย่อนภาษีคือ 1.3 เท่า สำหรับรายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี และ 0.7 เท่า สำหรับรายได้สูงกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี (แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 เท่า ถ้าซื้อกองทุนหรือหลักทรัพย์อิง ESG)
ข้อได้เปรียบ : 1. กองทุน และหุ้นอิง ESG จะได้ลดหย่อนเพิ่มเป็น 1.2 เท่า, 2. รายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทลดหย่อนได้เยอะขึ้น, 3. อายุเกิน 50 ปี ถือครองไม่นาน
ทั้งนี้ เวลามีการทิ้งระเบิดมักกดดัน SET ย่อตัวแรงเสมอ แต่หลังจากนั้นก็มักจะฟื้นขึ้นมาได้ดีเช่นกัน อาทิ ตอน B-2 ทิ้ง ระเบิดที่อิหร่าน (23 มิ.ย.) และ F16 ทิ้งระเบิดที่กัมพูชา (22 ก.ค.) แต่มีโครงการ TISA และต่างชาติที่ซื้อหุ้นไทยมา 5 วันติด 4.7 พันล้านบาท คอยพยุงตลาด
แนะนำหุ้นรับกระแส TISA
- หุ้นมีรายได้เพิ่มจากมาตรการ TISA KBANK, KTB, BBL, SCB, ASP, KGI
- หุ้นหวังปันผลสูงเกิน 8% มี ESG RATING คือ SIRI, DRT, SC, BA, LH, PTTEP, ICHI, MC, STA,MAJOR
- หุ้นมี ESG RATING AAA ขนาดใหญ่ PTT, KBANK, KTB, CPALL, BBL, CPN, SCC, TTB, CPF,OR
แต่มว่า มีบางหุ้นที่อาจผันผวนจากความกังวลจากแรงขาย LTF บางจังหวะบ้างเพราะ LTF ยังมีเม็ดเงินคงค้างอยู่ 1.07 แสนล้านบาท (สิ้น ต.ค. 68) โดยมี 8 หุ้นที่กองทุน LTF 5 อันดับแรกถือเยอะสุด ดังนี้DELTA, ADVANC, PTT,GULF, CPALL, KTB, SCB, KBANK ฯลฯ







