โบรกคาดปี 69 ‘หุ้นไทย’ เหนื่อย ‘การเมืองกดดัน’ ย้ำภาพปี 68 ผลตอบแทนแย่สุดในอาเซียน

โบรกคาดปี 69 ‘หุ้นไทย’ เหนื่อย ‘การเมืองกดดัน’  ย้ำภาพปี 68 ผลตอบแทนแย่สุดในอาเซียน

“บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” ประเมินครึ่งปีแรก “หุ้นไทย” ถูกกดดันจาก “การเมือง” ในประเทศ แต่ฟื้นตัวได้ช่วงครึ่งปีหลัง รับรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ด้านปี 68 ผลตอบแทนแย่สุดในอาเซียน “บล.บัวหลวง” คาดหุ้นไทยครึ่งหลังปี 69 ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก

KEY

POINTS

  • โบรกเกอร์ระบุว่า ในปี 2568 ผลประกอบการตลาดหุ้นไทยแย่ที่สุดใน 4 ประเทศอาเซียน (กลุ่ม MIST) และแย่เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายหดตัวแรงที่สุดในกลุ่มถึง 36%
  • คาดการณ์ว่าปี 2569 จะยังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับตลาดหุ้นไทยและธุรกิจโบรกเกอร์ โดยประเมินว่าดัชนีช่วงครึ่งปีแรกอาจอยู่ที่ 1,200 จุด และสิ้นปีที่ 1,400 จุด
  • ความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2569 ถือเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ โดยคาดว่าจะทราบผลการเลือกตั้งช่วงปลายเดือน มี.ค. 2569
  • ตลาดหุ้นไทยยังคงถูกกดดันจากการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติติดต่อกันหลายปี และความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะที่อาจจำกัดความสามารถของรัฐบาลใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ความเคลื่อนไหว “ตลาดหุ้นไทย” วานนี้ (8 ธ.ค.2568) ปิดตลาดร่วง 12.38 จุด มาอยู่ที่ 1,261.39 จุด หรือ 0.97% มูลค่าซื้อขาย 37,422.30 ล้านบาท สะท้อนผ่าน “หุ้นไทย” ปีนี้ยังคงเผชิญแรงกดดันรอบด้านจากทั้งปัจจัยในและต่างประเทศ ฉุด “มูลค่าซื้อขายหดตัวแรงที่สุด” ในกลุ่ม MIST ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง กดดัน “ผลตอบแทน” และ “รายได้ธุรกิจโบรกเกอร์” ท่ามกลางความเสี่ยงการเมืองและภาระหนี้สาธารณะที่ยังเป็นตัวแปรสำคัญในปี 2569 

โบรกคาดปี 69 ‘หุ้นไทย’ เหนื่อย ‘การเมืองกดดัน’  ย้ำภาพปี 68 ผลตอบแทนแย่สุดในอาเซียน

นายพัชระนนท์ ชีวะเกรียงไกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ล่าสุด สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ และสงครามระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งแรงกดดันดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณซื้อขายในหุ้นไทยจนถึงต.ค. 2568 ปรับตัวลดลงไปประมาณ 36% เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกลุ่ม MIST Market ที่มีมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่แย่ที่สุดในปริมาณการซื้อขาย

โดยตลาดหุ้นอินโดนีเซียมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 41% ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์ยังคงทรงตัวบวกประมาณ 1% ขณะที่ผลประกอบการตลาดหุ้นไทยถือว่าแย่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลกในปีนี้ แม้จะมีการรีบาวนด์ขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังคงติดลบอยู่ประมาณ 10% และถือเป็นตลาดที่ผลประกอบการแย่ที่สุดใน 4 ประเทศอาเซียน

สำหรับผลกระทบต่อธุรกิจโบรกเกอร์ในไทย รายได้ดอกเบี้ยจากมาร์จินโลนซึ่งเป็นรายได้สำคัญของโบรกเกอร์หายไปประมาณ 30% จากทิศทางตลาดที่ปรับตัวลงต่อเนื่องมา 4 ปี ทำให้มีการเรียกบังคับขายเกิดขึ้นหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม จากแรงกดดันที่รายได้ดอกเบี้ยลดลง และปริมาณการซื้อขายในประเทศที่อาจจะยังไม่ดีขึ้น ทำให้คาดว่าปี 2569 ธุรกิจโบรกเกอร์จะยังคงเหนื่อย และมีแนวโน้มที่การรวบรวมกิจการจะเกิดขึ้น เนื่องจากจะช่วยให้การลงทุนและสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลากหลายมากขึ้น 

สำหรับ ทิศทางธุรกิจ IPO ในปี 2569 คาดนักลงทุนจะมีเลือกมากขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมาได้ให้บทเรียนสำคัญแก่นักลงทุน โดยเฉพาะการเปิดตัวหุ้นหลายตัวที่ร่วงลงไปค่อนข้างมาก ซึ่งนักลงทุนจะหันมามองหาหุ้น IPO ที่มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ขณะที่หุ้น IPO ที่ไม่ได้แข็งแกร่งจริงครึ่งปีแรกปี 2569 อาจต้องรอโมเมนตัมของตลาดในช่วงครึ่งปีหลังปี 2569 ที่มีความชัดเจนเรื่องรัฐบาล 

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา ผู้บริหารสูงสุด สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปี 2569 จะยังคงเป็นปีแห่งความท้าทาย โดยเฉพาะครึ่งปีแรกที่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยทางการเมือง โดยคาดว่าดัชนีหุ้นไทยครึ่วปีแรกจะอยู่ที่ 1,200 จุุด และคาดว่าสิ้นปี 2569 อยู่ที่ 1,400 จุด ซึ่งเป็นอัพไซด์ประมาณ 10% จากระดับปัจจุบัน

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยที่ 1,400 จุด อ้างอิงจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรเฉลี่ยที่ประมาณ 15 เท่า แม้ระดับ P/E ดังกล่าวจะถูกมองว่าไม่ถูกเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค แต่ทว่าหากตัดหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงผิดปกติก็จะเทรดที่ 70-80 เท่า ซึ่งคิดเป็น 15% ของตลาด ทำให้ P/E ของตลาดหุ้นไทยจะเหลือไม่ถึง 13 เท่า

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยมาหลายปีติดต่อกัน โดย 3 ปีที่ผ่านมา มีการขายรวมกันประมาณ 450,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองช่วงครึ่งปีแรกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความกังวล คาดว่าผลการเลือกตั้งจะทราบช่วงปลายเดือนมี.ค. 2569 ขณะที่รัฐบาลชุดถัดไปจะมีข้อจำกัดในการระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากหนี้สาธารณะต่อจีดีพียังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้เพดานหนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ 70% ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 65% แต่หากเศรษฐกิจเติบโตช้ามีโอกาสเกิน 70% ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่เครดิตเรตติ้งของประเทศจะถูกปรับลดลง

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐาน สายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2569 ประเมินดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีหน้ามีแนวรับที่ 1,259 จุด แนวต้านแรกที่ 1,440 จุด และแนวต้านสำคัญที่ 1,542 จุด คาดตลาดหุ้นจะทยอยฟื้นตัวหลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3-4 ปีนี้ และจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งหลังปี 2569 ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว

ทั้งนี้ การประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ว่ามีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เติบโตเพียง 1.6% ลดลงจาก 2.0% ในปี 2568 เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐที่จะเข้ามาเป็นแรงกดดันสำคัญต่อภาคการส่งออก