‘3 องค์กร’ ผนึกสกัดสแกมเมอร์ ‘ธปท.-กลต.-ตลท.’ ประสานเสียงปราบ ‘ทุนเทา’ สกัดฟอกเงินข้ามชาติ

‘3 องค์กร’ ผนึกสกัดสแกมเมอร์ ‘ธปท.-กลต.-ตลท.’ ประสานเสียงปราบ ‘ทุนเทา’ สกัดฟอกเงินข้ามชาติ “แบงก์ชาติ” จ่อหารือคลังปรับเกณฑ์นำ “ดอลลาร์” เข้าประเทศ สกัด “บาทแข็ง” คุมเข้มธุรกรรมทองคำ
3 องค์กร ผนึกกำลังหวังปราบ “สแกมเมอร์” ธปท. จ่อหารือคลังปรับเกณฑ์นำ “ดอลลาร์” เข้าประเทศ หวังสกัด “บาทแข็ง” พร้อมคุมเข้มธุรกรรมทองคำ ก.ล.ต. เร่งสกัดอาชญากรรมไซเบอร์-ฟอกเงิน และยกระดับตรวจสอบผู้ถือหุ้น ตลท.ยันเหตุอายัด “หุ้นบางจาก” ไม่กระทบสภาพคล่อง พร้อมสนับสนุนภาครัฐสางคดีสแกมเมอร์
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ล่าสุดอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อปรับปรุงประกาศกระทรวงการคลัง ทั้งเกี่ยวกับการขยายการนำเงินดอลลาร์กลับเข้าประเทศ เพิ่มเป็น 10 ล้านดอลลาร์
รวมถึงการเข้าไปขอข้อมูลธุรกรรมทองคำ เพื่อขอให้ร้านทองรายงานธุรกรรมทั้งหมดทั้งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และหน้าร้านเพื่อให้ธปท.เห็นข้อมูล หรือเส้นทางเงินต่างๆได้มากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมถึงธุรกรรมนำเข้าและส่งออกทองคำ ที่ต้องรายงานการชำระเงินของผู้นำเข้าส่งออกว่ารับจ่ายเป็นสกุลใด หรือผ่านคริปโท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาธปท.ได้พูดคุยกับธนาคารพาณิชย์เพื่อให้ตรวจสอบธุรกรรมทองคำเข้มข้นขึ้น ทั้งตรวจเอกสาร ใบขน การซื้อขายทั้งหมดเมื่อร้านทองมาขายหรือซื้อดอลลาร์เพื่อจ่ายค่าทอง
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อประสานความร่วมมือในการยึดและอายัดทรัพย์ของเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย ปปง. ได้ส่งมอบข้อมูลเบื้องต้นให้แล้วตามที่ร้องขอ
โดยทั้งสองหน่วยงานยังได้พูดคุยถึงการเร่งปรับปรุงกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบธุรกรรม เช่น การใช้ Travel Rule การตรวจสอบผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง และกำหนดมาตรฐาน KYC/CDD ให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบการครอบงำกิจการได้เข้มแข็งขึ้น และให้ ปปง. ใช้ประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
อย่างไรก็ดี ก.ล.ต.ได้ทำการยกระดับเครื่องมือกำกับดูแลจะช่วยให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินได้แม่นยำขึ้น และยังคงตรวจสอบโครงสร้างผู้ถือหุ้นและกระบวนการ M&A รวมถึงการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์เคร่งครัด
นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า จากกรณีข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยการรายงานการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์ตามแบบ 246-2 ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการเปิดเผยข้อมูลเมื่อผู้ถือหุ้นมีสัดส่วนตั้งแต่ 5% ขึ้นไป หากผู้ถือหุ้นรายใดหรือกลุ่มใดเข้าถือหุ้นถึงระดับ 25%, 50% หรือ 75% ของสิทธิออกเสียง จะมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Tender Offer) หากไม่ปฏิบัติถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
นางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพสามารถแปลงเงินบาทเป็นคริปโทได้ 2 ช่องทาง คือ ผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศและผ่านผู้ประกอบธุรกิจในไทย ซึ่ง ก.ล.ต. ได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.ก.ไซเบอร์ พร้อมดำเนินการกล่าวโทษต่อผู้ชักชวนให้ใช้บริการที่ผิดกฎหมาย
โดยยังบูรณาการข้อมูลร่วมกับธนาคารพาณิชย์ ผู้ประกอบการ และตำรวจ เพื่อปิดกั้นการทำธุรกรรมของบัญชีม้า
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บทบาทการตรวจสอบหลังสำนักงาน ปปง.ยึดและอายัดทรัพย์คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในขบวนการสแกมเมอร์ และได้อายัดหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ว่าได้ส่งกำชับการสอบสวนรายการซื้อขายทุกรูปแบบและการโยกย้ายหลักทรัพย์ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นหรือไม่และพร้อมให้การสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนของภาครัฐอย่างเต็มที่
กรณีหุ้น BCP ที่ถูกอายัดไม่กระทบสภาพคล่อง (Free Float) และความเสี่ยงในการเข้ามาสร้างราคาหุ้น เพราะหุ้นที่ถูกอายัดไม่ได้เป็นหุ้นที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอในตลาดผลกระทบโดยตรงจึงมีไม่มากนัก อีกทั้งปัจจุบัน Free Float ของ BCP ยังอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 50.6% โดยผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตัว Free Float อย่างมีนัยสำคัญ
“การบ่งชี้ว่าธุรกรรมกลุ่มผู้กระทำความผิดและมาใช้ช่องทางตลาดหุ้นในการฟอกเงินดูไม่เป็นธรรมกับตลาดหุ้นไทย เพราะการตรวจสอบตัวตน หรือ KYC ทั้งการเปิดบัญชีซื้อขาย หรือการขอวงเงินมาร์จิน มีการตรวจสอบจากมาตรฐาน สำนักงาน ก.ล.ต. และ ปปง . แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเคส 1-2 เคส จุดเริ่มต้นการสอบสวนก็ปั่นทอน กระทบความเชื่อมั่นและภาพพจน์ของตลาดหุ้นด้วยหวังว่าภาครัฐจะดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและแถลงให้ความชัดเจนอย่างต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ ด้านกระแสข่าวที่มีรายชื่อบอร์ดตลท. บางราย (กรณี นายวราห์ สุจริตกุล) ถูกเชิญให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการกรณีกลุ่มสแกมเมอร์นั้น ยังมีความสง่างามในการทำงานอยู่หรือไม่นั้น จากที่ร่วมงานมาประมาณ 1 ปี 2 เดือน วัดพฤติกรรมและการทำงานร่วมกันมีความชัดเจนในการแยกแยะฐานะบอร์ด และสามารถแนะนำให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดทุน เพราะทุกท่านอยู่ในแวดวงการเงินและตลาดทุนอยู่แล้ว แต่หากมีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งจะมีการละเว้นให้ข้อคิดเห็น







