ก.ล.ต.เข้มลุยปราบสแกมเมอร์ สกัดฟอกเงินข้ามชาติ หลัง ปปง.อายัดทรัพย์หมื่นล้าน

ก.ล.ต. เดินหน้าตรวจสอบเส้นทางเงินและโครงสร้างผู้ถือหุ้นอย่างเข้มข้น หลัง ปปง. อายัดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงกับหุ้นไทย
KEY
POINTS
- ก.ล.ต. เดินหน้าตรวจสอบเส้นทางเงินและโครงสร้างผู้ถือหุ้นอย่างเข้มข้น หลัง ปปง. อายัดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติมูลค่า 10,000 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงกับหุ้นในตลาดทุนไทย
- ประสานความร่วมมือกับ ปปง. เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และผลักดันการปรับปรุงกฎหมายและกฎเกณฑ์ เช่น KYC/CDD และ Travel Rule เพื่อปิดช่องโหว่การฟอกเงิน
- ตรวจสอบการถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนเพื่อหาผู้ถือหุ้นที่แท้จริง (ultimate-beneficiary) ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นในนาม (nominee) โดยร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลในต่างประเทศ
- สกัดช่องทางฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยร่วมมือกับกระทรวงดีอีเพื่อปิดกั้นแพลตฟอร์มต่างชาติที่ไม่ได้รับอนุญาต และคุมเข้มผู้ประกอบธุรกิจในไทยจนสามารถระงับบัญชีม้าได้กว่า 44,000 บัญชี
- เข้าร่วมคณะทำงาน "Connect the Dots" ของกระทรวงการคลัง เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานและตรวจสอบเส้นทางเงินที่น่าสงสัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ที่ขยายวงกว้างจนกระทบทั้งตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ ก.ล.ต. ต้องเร่งยกระดับมาตรการรับมืออย่างจริงจัง ทั้งการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้เสียหาย การสกัดเว็บหลอกลงทุน และการประสานงานกับหน่วยงานรัฐอย่างใกล้ชิด ล่าสุด หลัง ปปง.อายัดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติมูลค่า 10,000 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงหุ้น 7 ตัวในตลาดทุนไทย ก.ล.ต. จึงเดินหน้าตรวจสอบเส้นทางเงินและโครงสร้างผู้ถือหุ้น พร้อมผลักดันปรับกฎหมายตั้งแต่ KYC/CDD จนถึง Travel Rule เพื่อปิดช่องโหว่และเสริมความเข้มแข็งให้ระบบกำกับดูแลตลาดทุนไทย
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เข้าหารือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อติดตามและประสานความร่วมมือเกี่ยวกับการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย ปปง. ได้มอบข้อมูลเบื้องต้นตามที่ ก.ล.ต. ร้องขอ
นอกจากนี้ ยังมีการหารือเพื่อผลักดันการปรับปรุงกฎหมายและกฎเกณฑ์โดยเร็วเพื่อยกระดับการมีเครื่องมือในการตรวจสอบการทำธุรกรรมและการตรวจสอบเส้นทางเงินผ่านผู้ประกอบธุรกิจที่ทำหน้าที่ตัวกลาง หรือ travel rule) การตรวจสอบผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (ultimate-beneficiary) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการจัดโครงสร้างในเชิงธุรกิจที่ซับซ้อน และการสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรฐานการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (KYC/CDD) เพื่อประโยชน์ของ ก.ล.ต. ในการตรวจสอบการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการครอบงำกิจการ และ ปปง. ในการตรวจสอบความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินด้วย รวมทั้งเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพระหว่างทั้ง 2 หน่วยงานต่อไป
"ในโลกของการลงทุนที่มีความเชื่อมโยงซับซ้อนมากขึ้น การยกระดับของการคือการทำ travel rule ซึ่งจะมา Connect the Dots ได้ดีขึ้น ถ้าจะเทียบเคียงกับสินทรัพย์ดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ ได้มีการทำ KYC/CDD ให้แข็งแรงขึ้น ทั้งตามกฎหมายหลักทรัพย์และตามกฎหมายปปง. เพื่อป้องการการฟอกเงินได้เพิ่มขึ้น"
นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในโครงสร้างผู้ถือหุ้นจากกรณีที่มีข้อสงสัยในประเด็นที่เกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง ซึ่งเกณฑ์กำกับดูแลมีการรายงานทั้งการได้มา หรือการจำหน่ายหลักทรัพย์ในแบบ 246-2 ที่มีการเปิดเผยข้อมูลที่มีเกิน 5% ของสิทธิออกเสียงก็ต้องมีการรายงานเปิดเผยออกมา
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการรายงาน หากมีผู้ถือหุ้นรายใดหรือกลุ่มใด เข้ามาถือหุ้นแตะหรือข้ามจุดสำคัญตั้งแต่ 25% 50% หรือ 75% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จะต้องมีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด หากไม่ทำถือเป็นความผิด
อย่างไรก็ตาม ในการเป็นผู้ถือหุ้นก็ต้องดูว่า เป็นผู้ถือหุ้นที่แท้จริงด้วย ไม่ได้เป็นเพียงผู้ถือหุ้นแต่เพียงในนาม โดยหน้าที่ของ ก.ล.ต.มีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องของโครงสร้างการถือหุ้นที่มีข้อสงสัยอยู่ เนื่องจากว่า หากมีผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้ลงทุนที่อยู่ในต่างประเทศ ไม่ได้มีข้อจำกัดว่าจะทำไม่ได้ เนื่องจาก ก.ล.ต.มีความร่วมมือกับก.ล.ต.ต่างประเทศต่าง ๆ อยู่แล้ว ในบันทึก MOU ได้มีการประสาน และได้มีการประชุมหารือร่วมกัน รวมถึงความร่วมมือกับทางปปง.ด้วย
"การถือหุ้นที่มีการรายงานผ่าน แบบ 246-2 เป็นการรายงานที่สะท้อนของผู้ถือหุ้นที่แท้จริงหรือไม่ ที่ผ่านมาเราได้มีการรวบรวมข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้อง เราได้ข้อมูลจากทางปปง.ที่ให้มา รวมถึงการข้อความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ โดยการประชุมสื่อสารกันเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่า และมีประเด็นที่เข้าใจตรงกัน และหากผลออกมาว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงการถือหุ้นของหลักทรัพย์ใดในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต.จะมีการดำเนินการ หรือมีความผิด"
นางพรอนงค์ กล่าวเสริมว่า ก.ล.ต.ได้ดำเนินการต้องเข้าไปดูถึงโครงสร้างของผู้ถือหุ้น และได้มีการประสานงานต่าง ๆ ในส่วนของตลาดทุนมีบริษัทจดทะเบียนมีนักลงทุน มีผู้ระดมทุน เราก็ต้องการให้เกิดความมั่นใจในประเด็นที่ยังเป็นของสงสัยต่องสาธารณชน ก.ล.ต.ยังคงต้องต้องมีหน้าที่ M&A ของผู้ที่ต้องทำเทนเดอร์ หากไม่ทำก็จะมีจะเป็นความผิดและดำเนินไปสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งต้องมีข้อมูลและเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งทาง ก.ล.ต.ยืนยันว่า เราได้มีการทำมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว และได้มีการสื่อสารออกไป ซึ่งเราจะสามารถชี้แจงได้ก็ต่อเมื่อเราได้ข้อยุติ เพื่อให้เกิดความชัดเจน
"อยากให้ความมั่นใจว่าในฝั่งของผู้ระดมทุน หรือตัวกลาง ก.ล.ต. จะนำกฎหมายที่มีนำมาใช้ภายใต้ข้อเท็จจริงอย่างเข้มข้น และร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ"
นางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ในส่วนของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมิจฉาชีพ จะแปลงไทยบาทมาเป็นคริปโทฯ ได้ 2 ช่องทาง โดยเราได้มีการทำการปิดกั้นทั้ง 2 ช่องไม่ว่าจะเป็น การนำเงินบาทไปผ่านแพลทฟอร์มต่าง ๆ ในต่างประเทศ ตรงนี้เราได้มีการประสานเงินกับทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) เพื่อดำเนินการปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาต หากมีการชักชวนคนไทยไปใช้บริการ ภายใต้ พ.ร.ก.ไซเบอร์ สามารถดำเนินการไปทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำการปิดกั้นการเข้าถึงประชาชนได้ และทาง ก.ล.ต.จะมีการกล่าวโทษด้วย ก่อนที่จะมีการส่งดำเนินไปทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
อีกส่วนหนึ่งที่ทำการผ่านแพลตฟอร์มไทย ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้การกำกับดูแล ได้มีการร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและอีกหลายหน่วยงานในการยกระดับในการดูแลฐานการประกอบธุรกิจไทยให้สามารถจัดการปิดกั้นในเรื่องของบัญชีม้า และเงินเทาต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการตั้งมาตรฐานต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อให้สามารถปิดกั้นและยับยั้งบัญชีม้าได้ถึง 44,000 บัญชี มูลค่าที่ยึดได้รวม 200 กว่าล้านบาท
โดยมีการกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดประเภทลูกค้า เพื่อประเมินความเสี่ยงและกำหนดมูลค่าการทำธุรกรรมให้สอดคล้อง รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นอกจากนี้ ทาง ก.ล.ต.ยังได้มีการร่วมมือกับคณะกรรมการร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการกำหนดแนวปฎิบัติข้างต้น และการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นธนาคารพาณิชย์ หรือผู้ประกอบการ ทางตำรวจจะมีการส่งต่อข้อมูลบัญชีม้า เพื่อปิดกั้นและระงับธุรกรรมได้ และที่สำคัญ พ.ร.ก.ไซเบอร์ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหาย กรณีที่มีมาตรการที่ละหลวมหรือไม่ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี หากมีผู้เสียหายเกิดขึ้น
รวมถึงคณะกรรมทำงาน Connect the Dots ของทางกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบเส้นทางเงินที่น่าสงสัยและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ ซึ่งได้มีความร่วมมือกับทาง ปปง. หากในอนาคต มีเรื่องการออกกฎหมาย travel rule ออกมา ก็จะทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ทั้งผู้โอนและผู้รับโอนในการป้องกันต่าง ๆ ในการฟอกเงินผ่านคริปโทฯ
นายธวัชชัย กล่าวเสริมว่า Connect the Dots ยังคงต้องทำงานรวบรวมข้อมูลให้รอบด้านในการตรวจสอบ และเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น เพราะเป็นเรื่องของการใช้บังคับกฎหมายกำกับเป็นเรื่องของความสำคัญ ซึ่งอาจจะมีผู้สงสัยว่า ก.ล.ต. อาจจะมีความคุ้มครองสิทธิผู้ที่สงสัยกระทำความผิดมากกว่าประชาชนผู้ลงทุนหรือไม่ ต้องขอชี้แจงว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเราคำนึงถึงสิทธิที่ประชาชนลงทุนอยู่แล้ว แต่ในฐานะหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายต้องมีขั้นตอนในการรวบรวมข้อมูลในการใช้ เพราะในการดำเนินการต้องมีพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน แต่ในข้อมูลจากต่างประเทศเป็นข้อมูลที่ไม่ได้มาง่าย







