โบรกคาด ‘กลุ่มพลังงาน’ ฟื้นเด่น อานิสงส์รัฐหนุนไทยสู่ ‘ฮับพลังงานสะอาด’

โบรกคาด ‘กลุ่มพลังงาน’ ฟื้นเด่น อานิสงส์รัฐหนุนไทยสู่ ‘ฮับพลังงานสะอาด’

โบรกเผย นโยบายพลังงานสะอาดเดินหน้าเต็มสูบ เร่งไทยสู่ “ฮับพลังงานหมุนเวียน” หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และไฟฟ้าฟื้นตัว มองโซลาร์ ก๊าซ และโครงการใหม่หนุนกำไรระยะยาว แม้ยังเสี่ยงผันผวนตามราคาน้ำมันโลก

เมื่อรัฐบาลเร่งเดินหน้า “มาตรการพลังงานสะอาด” ผ่านโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานกว่า 10 โครงการ โดยเน้น “พลังงานแสงอาทิตย์” (โซลาร์) เป็นแกนหลัก เพื่อรองรับเป้าหมาย Net Zero ปี 2050 ดันไทยก้าวสู่ “ศูนย์กลางพลังงานหมุนเวียนภูมิภาค” สอดรับเมกะเทรนด์การลงทุนด้านพลังงานสะอาด มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท

โบรกคาด ‘กลุ่มพลังงาน’ ฟื้นเด่น อานิสงส์รัฐหนุนไทยสู่ ‘ฮับพลังงานสะอาด’

ขณะเดียวกันการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ ยังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อภาพรวม “กลุ่มไฟฟ้า” และ “พลังงาน” ช่วยเพิ่มความเป็นธรรมต่อผู้ลงทุนในธุรกิจโรงแยกก๊าซ และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ขยายกำลังการผลิตได้มากขึ้น

“สุวัฒน์ สินสาฎก” กรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า รัฐบาลมีแนวทางสนับสนุนพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยมีศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียนสูง เห็นได้จากผลการประมูลที่ผ่านมา และยิ่งชัดเจนขึ้นจากการเตรียมออกโครงการใหม่ เช่น ไฟฟ้าสีเขียวที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวไม่ได้จำกัดเฉพาะด้านการผลิตไฟฟ้า แต่ยังรวมถึงการสนับสนุนภาคพลังงานในวงกว้าง อาทิ โครงการไฟฟ้าชุมชนที่อนุมัติกำลังการผลิตรวมกว่า 1,500 เมกะวัตต์ โครงการโซลาร์ Rooftop ที่ให้ครัวเรือนที่ติดตั้งโซลาร์บนหลังคา นำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 200,000 บาท

สำหรับนโยบายพลังงานสะอาดมีจุดประสงค์ชัดเจนในการสร้างแหล่งพลังงาน เพื่อรองรับการขยายตัว Data Center และการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมช่วยลดปริมาณคาร์บอนของไทยระยะยาว ด้านแผนเทคโนโลยีพลังงาน เตรียมผลักดันหลายโครงการครอบคลุมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โซลาร์รูฟท็อป พลังงานลม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กในอนาคต

ด้านการลงทุนนโยบายครั้งนี้เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการไฟฟ้าทุกราย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยมีโครงการใหญ่ หรือชัดเจนด้านนโยบายกระตุ้นอุตสาหกรรม ดังนั้น หากพิจารณาเป็นรายกลุ่ม พบบริษัทที่น่าจะได้ประโยชน์สูงสุดด้านพลังงานโซลาร์คือ GULF ที่มีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายพันธมิตร อย่าง BGRIM และ GPSC มีโอกาสเข้าร่วมโครงการลมและโครงการใหม่ในอนาคต

“จักรพงศ์ เชวงศรี” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า นโยบายใหม่ของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ โครงการโซลาร์ชุมชนกำลังการผลิตรวม 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดพลังงาน

อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินผลตอบแทนจากอัตรา Feed-in Tariff (FiT) พบว่าโครงการนี้ให้กำไรเฉลี่ยเพียงประมาณ 1 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ส่งผลให้กำไรรวมทั้งโครงการอยู่ที่ราว 1,500 ล้านบาท เท่านั้น เมื่อเทียบกับขนาดธุรกิจของผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมพลังงานแล้ว ตัวเลขดังกล่าวถือว่าไม่มากนัก และอาจไม่สามารถสร้างแรงขับเคลื่อนให้ราคาหุ้นปรับขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนการปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ PDP ฉบับใหม่สอดรับกับเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทย ขณะเดียวกันนโยบายการอัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาทเพื่อดันไทยให้เป็นฮับพลังงานสะอาด ก็ถูกมองว่าเป็นปัจจัยบวกเชิงโครงสร้างที่เดินตามทิศทางการเปลี่ยนผ่านพลังงานระดับโลก

แม้มีปัจจัยบวกจากรัฐ แต่หุ้นพลังงานยังต้องเผชิญแรงกดดันสำคัญจากแนวโน้มราคาน้ำมันโลกที่อาจปรับตัวลงในระยะต่อไป จากผลกระทบประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งสร้างความผันผวนให้ตลาดพลังงานต่อเนื่อง

“กิจพณ ไพรไพศาลกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลต่อธุรกิจแต่ละกลุ่มแตกต่างกัน โดยกลุ่มก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG เป็นธุรกิจที่ไม่ถูกกระทบ กลุ่มโรงแยกแก๊สหุ้นที่ได้ประโยชน์คือ PTT เดิมประเมินว่ากำไรจะหายไป 18,000 ล้านบาทต่อปี แต่โครงสร้างใหม่ทำให้กำไรกลับคืนมาราว 6,000-7,000 ล้านบาท ส่วน PTTGC คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นประมาณ 400 ล้านบาท ช่วยลดการขาดทุนที่ตลาดคาดไว้เดิมราว 2,000-3,000 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเป็นอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า ซึ่งต้องจ่ายค่าก๊าซเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3% แต่เป็นผลกระทบระยะสั้น ๆ ไม่ใช่ความเสี่ยงระยะยาว จากทิศทางการฟื้นตัวอุตสาหกรรมไฟฟ้าระยะยาวยังคงมีอยู่ หากราคามีการปรับตัวลงมาถือเป็นโอกาสการเข้าซื้อ