หุ้นไทยเปิดเช้านี้ร่วง 3.30 จุด โบรกเผยบรรยากาศลงทุนยังซึม รอความชัดเจนเฟด-กนง.ลดดอกเบี้ย

หุ้นไทยเปิดเช้านี้ร่วง 3.30 จุด โบรกเผยบรรยากาศลงทุนยังซึม รอความชัดเจนเฟด-กนง.ลดดอกเบี้ย

หุ้นไทยเปิดเช้านี้ร่วง 3.30 จุด ปรับตัวลง 3.30 จุด หรือ 0.26% อยู่ที่ 1,274.28 จุด โบรกเผยบรรยากาศลงทุนยังซึม รอความชัดเจนเฟด-กนง.ลดดอกเบี้ย ส่วนรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย. วันนี้คาด -0.6%y-y

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ 3 ธ.ค.2568 เปิดตลาดปรับตัวลง 3.30 จุด หรือ 0.26% อยู่ที่ 1,274.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,228.26 ล้านบาท

หุ้นไทยเปิดเช้านี้ร่วง 3.30 จุด โบรกเผยบรรยากาศลงทุนยังซึม รอความชัดเจนเฟด-กนง.ลดดอกเบี้ย

กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ยังเคลื่อนไหวแบบทรงตัวไร้ทิศทางชัดเจน โดยดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบแคบเพียง 5 จุด ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ยังซึมต่อเนื่อง
 

โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,265 จุด และแนวต้านที่ 1,285 จุด ขณะที่ดัชนีปัจจุบันอยู่บริเวณ 1,277 จุด หากดัชนีอ่อนตัวลงสู่ช่วง 1,265-1,270 จุด คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงตลาด ส่วนการปรับตัวขึ้นยังคาดจำกัดเพียง 5-10 จุด

ทั้งนี้ บรรยากาศการลงทุนยังอยู่ในช่วงรอปัจจัยสำคัญ โดยตลาดให้ความสนใจกับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะพิจารณาเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย คาดว่าจะเป็นช่วงที่เกิดความผันผวนมากขึ้น นอกจากนี้นักลงทุนยังรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กลางสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งมีแนวโน้มเช่นกันว่าอาจจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย

สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนให้ใช้จังหวะตลาดซึมเป็นโอกาสสะสมหุ้น โดยเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยเฉพาะตัวโดดเด่นวันนี้ BCH ราคาบริเวณ 10 บาท มีความน่าสนใจด้านมูลค่า Valuation ขณะที่ MINT ราคาปรับขึ้นมายืนเหนือ 20 บาท และแตะระดับ 22 บาท ได้รับ Sentiment บวกจากโอกาสที่นักท่องเที่ยวจีนอาจเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น เสริมด้วยปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากแผนขายสินทรัพย์เข้ากองรีทในไตรมาส 1/69 

ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจที่ต้องติดตามวันนี้ การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทยคาดการณ์อยู่ที่ -0.6% YoY ซึ่งหากออกมาตามคาดจะเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 โดยปัจจัยดังกล่าวยังถูกให้น้ำหนักไม่มาก เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่ชะลอตัวเป็นไปตามภาพตลาดอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำยังเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้กำหนดค่าไฟสำหรับช่วงม.ค.-เม.ย. 2569 ไว้ที่ 3.88 บาทต่อหน่วย ซึ่งยังต่ำกว่าระดับ 4 บาท

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ยังคงแกว่งรอการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะมีการประชุม FED เดือนนี้ในวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยวันนี้แนะติดตามการรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ จาก ADP เดือน พ.ย. ซึ่งคาดเพิ่มขึ้น 1 หมื่นตำแหน่ง น้อยกว่าเดือน ต.ค. ที่เพิ่มขึ้น 4.2 หมื่นตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนภาคแรงงานที่อ่อนตัวเรื่อยๆ 

นอกจากนี้ยังมีดัชนี US ISM ภาคบริการ ประจำเดือน พ.ย. คาดที่ 52.0 จุด ลดลงจากเดือน ต.ค. ที่ 52.4 จุด สะท้อนภาคบริการที่ค่อยๆลดลงเช่นกัน ซึ่งตัวเลขเหล่านี้คาดเพิ่มโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ย US ให้มากยิ่งขึ้น

ส่วนด้านปัจจัยในประเทศ ติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย. โดยสำหรับดัชนี CPI คาด -0.6%y-y และ Core CPI คาดที่ +0.6%y-y สะท้อนภาพรวมเงินเฟ้อไทยยังอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังขยายตัวต่ำเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นแรงหนุนเพิ่มเติมต่อการลดดอกเบี้ยไทยในเดือนนี้

ด้านกลยุทธ์ยังคงแนะย่อตั้งรับหุ้นที่คาดกำไรยังมีแนวโน้มเติบโต ผสานกับ Valuation ไม่แพงนัก และมีปันผลในระดับที่น่าจูงใจ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงน่าสนใจ เช่น ธนาคาร, นิคมอุตสาหกรรม, ท่องเที่ยว และไฟแนนซ์ เป็นต้น 

สำหรับ หุ้นแนะนำวันนี้ SAWAD คาดกำไรหลักไตรมาส 4/68 เติบโตทั้ง q-q และ y-y จากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ผสานการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ที่ดอกเบี้ยจ่ายลดลง

นอกจากนี้การขาดทุนรถยืดลดลง รวมทั้งการตั้งสำรองผ่อนคลาย สะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดเพียง PE 8 เท่า อยู่ในระดับที่น่าสนใจ และคาดกลับมาติด SET50 อีกครั้ง ราคาเป้าหมาย 31.00 บาท