GULF ลั่นอิบิทดาปี69 โต15% ลุย‘พลังงานสะอาด-ดิจิทัล’ต่อเนื่อง

GULF ลั่นอิบิทดาปี69 โต15% ลุย‘พลังงานสะอาด-ดิจิทัล’ต่อเนื่อง

“กัลฟ์” ตั้งเป้า “อิบิทดา” ปีหน้าเติบโต 15% พร้อมวางงบลงทุน 1-1.2 แสนล้านบาท ใน 5 ปี มุ่งสู่เป้า Net Zero Emission ปี 93

KEY

POINTS

  • GULF คาดการณ์ว่า EBITDA ในปี 2569 จะเติบโตขึ้น 15% จากการเปิดดำเนินการโครงการใหม่ๆ
  • การเติบโตหลักมาจากการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด โดยจะมีการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนหลายโครงการ
  • บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตในระยะยาว
  • วางงบลงทุนปี 2569 ไว้ที่ 25,000-30,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจ S-curve

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่าจากการดำเนินธุรกิจใน ไตรมาส 3 ปี 2568 ที่ดีเกินคาด ทำกำไรหลักสูงสุดเป็นประวัติการณ์ บริษัทวางแผนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในธุรกิจพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในระยะยาว

สำหรับในปี 2569 บริษัทคาดการณ์อิบิดา (EBITDA) เติบโต 15% จากปี 2568 มาจากการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ 6 โครงการ (โซลาร์ฟาร์ม 4, โซลาร์+แบตเตอรี่ 2) เพิ่มกำลังการผลิต ใหม่อีก 623 เมกะวัตต์ กำลังผลิตรวมทั้งสิ้น 17,204 เมกกะวัตต์ และคาดรับรู้กำไรเพิ่ม 600 ล้านบาทต่อปี

GULF ลั่นอิบิทดาปี69 โต15% ลุย‘พลังงานสะอาด-ดิจิทัล’ต่อเนื่อง

รวมถึงยังมีโครงการขยะชุมชนเชียงใหม่ (10 เมกะวัตต์) คาดเปิดดำเนินการเดือนพ.ค.2569 คาดรับรู้กำไรเพิ่ม 120 ล้านบาทต่อปี และโซลาร์รูฟท็อปทยอยเปิดดำเนินการ 50 เมกะวัตต์ และมอเตอร์เวย์ M6 (บางปะอิน-โคราช) เปิดให้บริการไตรมาส 3 ปี 2569 ขณะที่ในส่วนโครงการ Jackson ค่า CP จะปรับเพิ่มเป็น 329 ดอลลาร์ต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2569-พ.ค. 2570 คาดเพิ่มกำไรอีก 1,200 ล้านบาทในปี 2569 และธุรกิจ LNG คาดนำเข้า 4-5 ล้านตัน สร้างกำไร 1,200-1,500 ล้านบาท มีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการนำเข้า

นอกจากนี้ ธุรกิจ AIS คาดผลประกอบการดีขึ้นจากการขยายฐาน 5G , ARPU เพิ่มขึ้น และคอนเทนต์ใหม่ (กีฬา) และธุรกิจดิจิทัล , ดาต้า เซนเตอร์ GCSA01 (25 เมกะวัตต์) มีลูกค้าเกือบเต็ม ทยอยรับรู้กำไร GCSA02 (38 เมกะวัตต์) คาดเปิดไตรมาส 1 ปี 2570 มีสัญญาใช้บริการกับ Microsoft 15 ปี ซึ่งตั้งเป้าขยายเป็น 300-500 เมกะวัตต์ใน 3-5 ปีข้างหน้า

“เป้าหมายรายได้และอิบิทดาปี 2569 เราไม่ได้เน้นเป้ารายได้ เพราะขึ้นอยู่กับราคาก๊าซ แต่คาด อิบิทดา เติบโต 15% ภายใต้เศรษฐกิจและการแข่งขันปี 2569 เราได้บริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนอุปกรณ์และการจัดหาเงินกู้ล่วงหน้าแล้ว โอกาสจะมาจากรัฐบาลใหม่ที่สนับสนุนพลังงานหมุนเวียนเพื่อ Net Zero Emission และลดค่าไฟฟ้า”

พร้อมกันนี้ มีแผนลงทุนปี 2569 ไว้ที่ 25,000-30,000 ล้านบาท โดยสัดส่วน 30% พลังงานหมุนเวียน , 60% ธุรกิจ S-curve เช่น Data Center, Cloud AI และในระยะ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2569-2573) วางงบลงทุนไว้ที่ 100,000-120,000 ล้านบาท เกือบ 70% ในพลังงานหมุนเวียน โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน, การออกหุ้นกู้, เงินกู้จากสถาบันการเงิน คาดจะหนุน EBITDA เติบโต 10-15% ต่อปี

นายรัฐพล ชื่นสมจิตต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ GULF กล่าวว่า แม้รัฐบาลใหม่จะส่งเสริมการใช้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดคาร์บอน และค่าไฟ แต่ยังต้องคงความสมดุลกับโรงไฟฟ้าก๊าซเพื่อความมั่นคง ส่วนผลกระทบโครงสร้างราคาก๊าซ ในส่วนบริษัทมีผลกระทบน้อยมาก เนื่องจาก 94% ของโรงไฟฟ้าก๊าซขายให้ EGAT ซึ่งเป็นแบบ Pass-Through Model มีเพียง 6% ที่ขายให้นิคมอุตสาหกรรม โครงการโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ และ Direct PPA ซึ่งทางเราสนใจเข้าร่วมเพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐ และยินดีขายไฟฟ้าให้ดาต้า เซนเตอร์ใหม่

สำหรับ แนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2568 คาดเติบโตต่อเนื่อง จากโครงการใหม่และปัจจัยฤดูกาล ทั้งการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ 7 โครงการ (โซลาร์ฟาร์ม 5, โซลาร์+แบตเตอรี่ 2) รวม 597 เมกะวัตต์ คาดรับรู้กำไรเพิ่ม 550 ล้านบาทต่อปี รวมถึงยังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจพลังงานลม และมอเตอร์เวย์ M87 (บางใหญ่-กาญจนบุรี) เปิดให้บริการธ.ค. 2568 และการนำเข้า LNG รวม 4 ล้านตันตลอดปี 2568

ด้านแผนงานในอนาคตวางเป้าหมายพลังงานสะอาด มุ่งสู่ Net Zero Emission ภายในปี 2593 เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในพอร์ตเป็นมากกว่า 40% ภายในปี 2578 ซึ่งปัจจุบันบรรลุเป้าหมายที่ผูกพันไว้แล้ว ซึ่งมีกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ดำเนินการแล้ว 1,600 เมกะวัตต์ (10% ของพอร์ต) ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 10,000 เมกะวัตต์ (40% ของพอร์ต) ภายในปี 2576 และวางแผนลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด 50% ใน Blue Sky Wind Power Holding คาดกำไรหลังเปิดดำเนินการครบประมาณ 650 ล้านบาทต่อปี 

และมีแผนเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเขื่อนปากลาย 100% (770 เมกะวัตต์) คาดกำไรหลังเปิดดำเนินการ (ปลายปี 2575) ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี กำลังหาผู้ร่วมทุนที่มีความเชี่ยวชาญ โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม “อีสานคลีนเทค” (50 เมกะวัตต์) เปิดดำเนินการแล้วเมื่อ 1 พ.ย. 2568 ธุรกิจดิจิทัล เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน GCSA เป็น 50% เพื่อดำเนินธุรกิจคลาวด์ (Public & Private Cloud) ร่วมกับ Hyperscalers ระดับโลก (Google, Microsoft, Oracle)

สำหรับแผนระยะยาว (ปี 2569-2576) จะมาจากการเติบโตต่อเนื่องจากการทยอยเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ, โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม, โรงไฟฟ้าเขื่อน, LNG Terminal มาบตาพุด (2572), โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง (2570-2571) และโครงการ Offshore Wind สหรัฐฯ (1,500 เมกะวัตต์, 2574) พร้อมเข้าร่วมโครงการตามนโยบายรัฐ เช่น Direct PPA 2,000 เมกะวัตต์ และโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์

ด้านนโยบายการจ่ายเงินปันผล อยู่ระหว่างพิจารณาจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง คาด payout ratio 50-60% โดยพิจารณาจากมติคณะกรรมการบริษัท ปัจจุบัน GULF เป็นบริษัทที่เน้นการเติบโต และได้จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และทางด้านการลงทุนในกลุ่มธนาคาร สำหรับการลงทุน KBANK เป็นไปตามปกติเพื่อหวังเงินปันผล และไม่มีการลงทุนใน KTB