หุ้นไทยปิดเย็นพุ่ง 19.88 จุด โบรกเผยน้ำท่วมใต้คลี่คลาย คาดเฟดลดดอกเบี้ย

หุ้นไทยปิดเย็นพุ่ง 19.88 จุด โบรกเผยน้ำท่วมใต้คลี่คลาย  คาดเฟดลดดอกเบี้ย

"หุ้นไทยวันนี้" ปิดที่ 1,276.57 จุด เพิ่มขึ้น 19.88 จุด (+1.58%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36,422.92 ล้านบาท โบรกชี้ว่าตลาดดีดกลับจากปัจจัยกดดันที่เบาลง โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำท่วมที่หาดใหญ่เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องปรับตัวขึ้น และตลาดได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าเฟด อาจมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยทำให้เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทย

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,276.57 จุด เพิ่มขึ้น 19.88 จุด (+1.58%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36,422.92 ล้านบาท
  • นักวิเคราะห์ชี้ว่าตลาดดีดกลับจากปัจจัยกดดันที่เบาลง โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำท่วมที่หาดใหญ่เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องปรับตัวขึ้น
  • ตลาดได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทย

"หุ้นไทยวันนี้" (1 ธ.ค.2568) ปิดตลาดหุ้นตอนเย็นอยู่ที่ 1,276.57 จุด บวก 19.88 จุด หรือ 1.58% ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,278.63 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,257.22 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 36,422.92 ล้านบาท

หุ้นไทยวันนี้ ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1.PTT ราคาปิด 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.63% มูลค่าซื้อขาย 2,975.60 ล้านบาท

2.TRUE ราคาปิด 11.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 2.78% มูลค่าซื้อขาย 2,120.57 ล้านบาท

3.KBANK ราคาปิด 189.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.34% มูลค่าซื้อขาย 1,885.62 ล้านบาท

4.ADVANC ราคาปิด 313.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 1.95% มูลค่าซื้อขาย 1,527.03 ล้านบาท

5.DELTA ราคาปิด 207.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 2.99% มูลค่าซื้อขาย 1,508.47 ล้านบาท
 

หุ้นไทยปิดเย็นพุ่ง 19.88 จุด โบรกเผยน้ำท่วมใต้คลี่คลาย  คาดเฟดลดดอกเบี้ย

ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปิดบวกขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแรงซื้อกลับเข้ามาพร้อมปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น หากเทียบกับในช่วงเดือนที่ผ่านมา ถือว่าซึมผิดปกติ เนื่องจากเงินส่วนใหญ่มีการไหลเข้าสู่หุ้นกลุ่ม Value stocks ตั้งแต่เดือนก่อนหน้า แต่ทว่าตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยลบเข้ามากดดันหลายประการจากความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง และความกังวลเรื่องน้ำท่วมใหญ่ ที่หาดใหญ่ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปถึง 4.4% ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงที่มากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก
 

อย่างไรก็ตาม การดีดกลับของตลาดในวันนี้เกิดจากปัจจัยกดดันภายนอกที่เริ่มเบาลง รวมถึงปัญหาน้ำท่วมเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีสัญญาณการรีบาวด์กลับมา พร้อมกับวอลุ่มซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นปริมาณการซื้อขายวันนี้เกินกว่า 30,000 ล้านบาท

ทั้งนี้สังเกตได้จากหุ้นที่มีการดีดกลับแรง ๆ เป็นการเด้งกลับจากแรงกดดันก่อนหน้า โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับขึ้นได้ อย่าง ERW ปรับตัวขึ้นมา 6% ขณะที่ CENTEL ขึ้นมา 4%  

ขณะที่ หุ้นที่เกี่ยวพันกับหาดใหญ่ เช่น STA ปรับขึ้น 4% และ STGT ปรับขึ้นได้ 3% นากจากนี้หลังจากสถานการณ์ในหาดใหญ่คลี่คลาย ก็มีความคาดหวังว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้ ทำให้เกิดความคาดหวัง ส่งผลให้กลุ่มหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ขยับขึ้นได้ดี เช่น SAWAD ปรับขึ้นมาประมาณ 2%

นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน เริ่มฟื้นตัวหลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันหรือโอเปกพลัสประชุมเสร็จสิ้นลง เชื่อว่าสถานการณ์ราคาเริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับการเข้าสู่ช่วงหน้าหนาว ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นได้ดี ส่งผลให้หุ้นอิงราคาน้ำมันขยับขึ้นได้ดี เช่น PTT ขยับขึ้นมามากกว่า 1% และ PTTEP ปรับขึ้นมาประมาณ 2%

แนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.2568) โมเมนตัมของการปรับขึ้นยังคงมีอยู่ หลังจากที่หุ้นสหรัฐเริ่มมีความผันผวน จากการที่เฟดอาจจะมีโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ย เพราะหากเฟดมีการปรับลดดอกเบี้ยขึ้นมาจริง ระยะถัดมาก็จะมีตัวเลขของเงินเฟ้อ และความกังวลต่อ Unwind Carry Trade ตามมา ดังนั้นเงินก็ยังคงมีโอกาสไหลเข้าหุ้นกลุ่ม Value stocks และตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย แต่ทว่าตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมาค่อนข้างลงลึกกว่าตลาดอื่น ๆ ก็อาจจะได้เงินไหลเข้ามาหนุนได้บ้าง 

กลยุทธ์การลงทุนวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.2568) แนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และมีโอกาสขึ้นได้แรงกว่าตลาดโดยรวม เช่น  AWC ได้รับปัจจัยบวกจากโครงการ Sky Fire ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ตอนที่มีโครงการ Jurassic World  ซึ่งตอนนั้นราคาหุ้นปรับขึ้นได้ประมาณ 20% ภายใน 2-3 สัปดาห์ โครงการ Sky Fire ถูกมองว่าเป็นกระแสที่ดีกว่า และราคาหุ้น AWC ปัจจุบันยังต่ำกว่าในช่วงที่มีกระตุ้นรอบก่อนหน้า จึงเชื่อว่ายังมีช่องทางให้ปรับขึ้นได้ต่อ

ขณะที่ หุ้น ERW เป็นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ยังได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มีโอกาสเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล BCH และ BDMS เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องฝุ่น PM 2.5 เข้ามากระทบ ซึ่งฝุ่นเริ่มมาเร็วกว่าที่คาดไว้ และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมีโอกาสที่จะรีบาวด์กลับขึ้นมา