จับตาธันวาคมหุ้นขึ้น “ซานตาแรลลี Santa Rally” หรือจะร่วง

จับตาธันวาคมหุ้นขึ้น “ซานตาแรลลี Santa Rally” หรือจะร่วง

เริ่มเดือนสุดท้ายของปี จับตาหุ้นขึ้น “ซานตา แรลลี Santa Rally” หรือจะ “ตะเหลวเป๋ว Bah Humbug” ธันวาคมมาถึงเราแล้ว แต่ความผันผวนยังคงอยู่เตือนหุ้นเอไอเสี่ยงสูง

ซีเอ็นบีซี รายงานเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่ผันผวนอย่างมาก โดยดัชนีหลักของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งมาจากการร่วงลงอย่างหนักของ Nasdaq ดัชนี Stoxx 600 ของยุโรปยังคงรักษาระดับบวกไว้ได้ ทำให้เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น แต่หุ้นเทคโนโลยีก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่แพงเกินไปและการลงทุนด้านเอไอ AI ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

แล้วนี่หมายความว่าอย่างไรสำหรับเดือนธันวาคม หุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นตามฤดูกาลตามเทศกาลซานตาแรลลี  Santa Rally ได้หรือไม่ หรือจะเป็นเดือนที่นักลงทุนพลาดหวัง Bah Humbug ในเดือนสุดท้ายของปี?

เหตุผลที่ Santa Rally จะเกิดขึ้น

Fidelity International ได้วิเคราะห์ตัวเลข: ดัชนี FTSE 100 สร้างผลตอบแทนเชิงบวกในเดือนธันวาคมใน 24 ปี จาก 30 ปีที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรอาจรู้สึกรื่นเริงในช่วงเทศกาลในปีนี้ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 90% ที่ธนาคารกลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม หลังจากที่งบประมาณถูกมองว่าใช้จ่ายแบบไม่ให้กระตุ้นเงินเฟ้อรุนแรง

สำหรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ภาพรวมกลับแตกต่างออกไป โดยตลาดมองว่าโอกาสที่ธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นศูนย์ แต่ถือเป็นสัญญาณบวก เนื่องจากคณะกรรมการบริหารอีซีบีระบุว่านโยบายอยู่ใน "จุดที่ดี" ในช่วงการประชุมครั้งสุดท้าย ตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทุกครั้งที่มีการคาดการณ์ว่า จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งต่อไปในเดือนธันวาคม โดยตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสเกือบ 83% ที่ตลาดจะลดอัตราดอกเบี้ย ตามข้อมูลของ CME Fedwatch

ธนาคารกลางอาจช่วยสร้างบรรยากาศแห่งเทศกาลในเดือนธันวาคมนี้

กรณีเหลว  Bah Humbug

แต่อีกด้านยังมีแรงกดดันในตลาดที่อาจทำให้ฝั่งกระทิงต้องผิดหวัง ปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังความผันผวนในเดือนพฤศจิกายนไม่ได้หายไปไหน โดยยังมีนักลงทุนและผู้สังเกตการณ์ตลาดบางส่วนแสดงความกังวลต่อความเร็วของการใช้จ่ายจากบรรดาผู้ให้บริการคลาวด์ขนาดยักษ์ (AI hyperscalers) แม้แต่ธนาคารกลางยุโรปก็ออกมาเตือนตามปกติในสัปดาห์นี้ว่า มูลค่าหุ้นเทคสหรัฐฯ ถูกดันขึ้นสูงเกินไปจากภาวะความกลัวพลาดโอกาส FOMO (fear of missing out) โดยเตือนถึง “การปรับตัวของราคาที่รุนแรงและเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน” ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อหุ้นที่ขับเคลื่อนด้วยธีม AI

ด้านเงินคริปโทอาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งในช่วงเดือนสุดท้ายของปี  ทั้งนี้ซีเอ็นบีซีรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยอ้าง Compass Point ที่คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin จะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนรายใหม่จะขายโทเคนและกองทุนรวมดัชนีที่ผูกติดอยู่กับมัน Compass ยังแนะนำว่าผู้ถือครองระยะยาวอาจขายสินทรัพย์ที่ถือครองลงเนื่องจากกำหนดการ “halving” ซึ่งเกิดขึ้นทุกสี่ปี โดย “โปรแกรมจะลดจำนวนรางวัลที่บุคคลจะได้รับจากการขุดโทเคนใหม่บนบล็อกเชน Bitcoin ลงครึ่งหนึ่ง”

ไม่ว่าคุณจะเชื่อใน Santa Rally หรือไม่ เดือนธันวาคมจะปิดปีที่น่าสนใจสำหรับสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ทั่วโลก และทำให้การคาดการณ์สำหรับปี 2026 เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา

เหตุการณ์สำคัญทั่วโลกในเดือนธันวาคม

10 ธันวาคม: การตัดสินใจนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

11 ธันวาคม: การตัดสินใจนโยบายของธนาคารกลางสวิส

18 ธันวาคม: การตัดสินใจนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ

18 ธันวาคม: การตัดสินใจนโยบายของธนาคารกลางยุโรป

19 ธันวาคม: การประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์

ตลาดฟิวเจอร์หุ้นทรงตัว

ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับเดือนสุดท้ายของปี

ซีเอ็นบีซี รายงานตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในคืนวันอาทิตย์ หลังจากสัปดาห์ที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่นักลงทุนเตรียมพร้อมที่จะปิดฉากปี 2025 ที่แข็งแกร่ง

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลดลง 18 จุด สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เชื่อมโยงกับดัชนี S&P 500 และ Nasdaq-100 ฟิวเจอร์ทรงตัว

วันจันทร์เป็นวันแรกของเดือนธันวาคม และนักลงทุนมีโมเมนตัมหนุนหลัง ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite สัปดาห์ที่แล้วปรับตัวสูงขึ้น 3.7% และ 4.9% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้น 3.2%

คาดหุ้นบวกเดือนธันวาคม

จากสถิติเก่า ดัชนี S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉลี่ยมากกว่า 1% ในเดือนธันวาคม ทำให้เป็นเดือนที่ดีที่สุดอันดับสามของปีสำหรับดัชนีอ้างอิงนี้ นับตั้งแต่ปี 1950 ตามข้อมูลของ Stock Trader’s Almanac แต่ตลาดหุ้นกลับผันผวนในเดือนพฤศจิกายน ดัชนี S&P 500 และดัชนีดาวโจนส์ปิดตัวทรงตัวตลอดทั้งเดือน ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 1.5% ส่งผลให้ดัชนียุติการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาเจ็ดเดือน ในช่วงเวลาหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน ดัชนีแนสแด็กร่วงลงเกือบ 8% จากช่วงปิดตลาดเดือนตุลาคม ความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นปัญญาประดิษฐ์แพงสร้างแรงกดดันต่อดัชนีหลักๆ ตลอดทั้งเดือน

“ผมมองแนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นเล็กน้อยสำหรับเดือนธันวาคม เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้ภาพรวมของตลาดเริ่มฟื้นตัวหลังจากช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ยากลำบาก” มาร์ก นิวตัน นักกลยุทธ์ทางเทคนิคของ Fundstrat ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “ตลาดหุ้นดูเหมือนจะมีความมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมมีมากขึ้น”