MINT สุดทนทุ่ม 500 ล้านประกาศซื้อหุ้นคืน จำนวน 23 ล้านหุ้น เริ่ม 3 ธ.ค. 68- 2 มิ.ย.69

MINT สุดทนทุ่ม 500 ล้านประกาศซื้อหุ้นคืน   จำนวน 23 ล้านหุ้น เริ่ม 3 ธ.ค. 68- 2 มิ.ย.69

MINT ควักเงิน 500 ล้านบาทประกาศเข้าซื้อหุ้นคืน 23 ล้านหุ้น เริ่ม 3 ธ.ค. 68- 2 มิ.ย.69 ปัจจุบันสภาพคล่องรวมประมาณ 4,046 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอสําหรับชําระหนี้สินจํานวน 3,385 ล้านบาท

            บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน)  หรือ MINT  แจ้งโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน  เพื่อบริหารทางการเงิน ภายใน วงเงิน 500 ล้านบาท จํานวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 23 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 0.41 ของหุ้น ที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท จํานวน 5,669,976,977 หุ้น กําหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่  3  ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2569

        โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการการชําระหนี้คืน บริษัทขอยืนยันว่า บริษัทมีฐานะการเงินและสภาพคล่องที่เพียงพอ ในการชําระหนี้สินที่จะถึงกําหนดภายใน 6 เดือนข้างหน้า โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจํานวน 248 ล้านบาท และคาดว่าจะได้รับกระแสเงินสดอิสระประมาณ 3,798 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งมีที่มาหลักจากเงินปันผลรับจากบริษัทย่อย

       ดังนั้น บริษัทคาดว่าจะมีสภาพคล่องรวมประมาณ 4,046 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอสําหรับชําระหนี้สินจํานวน 3,385 ล้านบาท ที่จะถึงกําหนดชําระในช่วงเวลาเดียวกัน และบริษัทจะยังคงมีสภาพคล่องส่วนเกินเพียงพอ เพื่อสนับสนุนความมั่นคงด้านการดําเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทอย่างต่อเนื่อง

         นอกจากนี้ ข้อมูลงบการเงินรวมที่แสดงฐานะเงินสดจํานวน 9,644 ล้านบาท ยังช่วยยืนยันเพิ่มเติมว่าการดําเนิน โครงการซื้อหุ้นคืน จะไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อฐานะการเงิน สภาพคล่อง หรือความสามารถในการปฏิบัติตาม ภาระผูกพันทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยบริษัทมีแหล่งเงินทุนที่ชัดเจน มั่นคงและเพียงพอ ทั้งในการชําระหนี้ที่จะ ถึงกําหนดและการดําเนินโครงการซื้อหุ้นคืนตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

      สำหรับเหตุผลในการซื้อหุ้นคืน 3.1 เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ 3.2 เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรา   กําไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 3.3 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทํากําไรของบริษัท

      สำหรับ ผลกระทบภายหลังซื้อหุ้นคืน 4.1 ต่อผู้ถือหุ้น:อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากําไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) จะสูงขึ้น 4.2 ต่อบริษัท: เงินสดของบริษัทและมูลค่าทางบัญชีของส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง