โบรกเผยเศรษฐกิจเปราะบาง ส่งออกหด ตลาดหุ้นซบเซา ฟันด์โฟลว์ไหลออก แนะถือเงินสด 20–30%

โบรกเผยเศรษฐกิจเปราะบาง ส่งออกหด ตลาดหุ้นซบเซา ฟันด์โฟลว์ไหลออก แนะถือเงินสด 20–30%

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงขาลง โดยภาคการส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักคาดว่าจะหดตัว -0.3% ในปี 2569 และคาด GDP ทั้งปีจะเติบโตเพียง 1.2% - 2.2% ตลาดหุ้นไทยซบเซา โดยเดือน พ.ย. ปรับตัวลง -4.3% (MTD) และมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเบาบางที่ 3.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน แนะกลยุทธ์การลงทุนให้ถือเงินสดในพอร์ต 20-30% และเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวหนุน

KEY

POINTS

  • บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงขาลง โดยภาคการส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักคาดว่าจะหดตัว -0.3% ในปี 2569 และคาด GDP ทั้งปีจะเติบโตเพียง 1.2% - 2.2%
  • ตลาดหุ้นไทยซบเซา โดยเดือน พ.ย. ปรับตัวลง -4.3% (MTD) และมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเบาบางที่ 3.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน
  • เงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ย. สูงสุดในเอเชียใต้ คิดเป็นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท (-365 ล้านเหรียญ)
  • ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจทำให้การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นแตะระดับ -4.5% ต่อ GDP ในปี 2568-2569 ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
  • ฝ่ายวิจัยฯ แนะกลยุทธ์การลงทุนให้ถือเงินสดในพอร์ต 20-30% และเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวหนุน

ฝ่ายวิจัย การลงทุน บล.เอเซีย พลัส ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงขาลง ทั้งจากเครื่องยนต์หลักที่ดับลงและสถานะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้น โดยเศรษฐกิจไทยชะลอตัวจากภาคส่งออก ทั้ง ธปท. และ สภาพัฒน์ มองเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงในปี 2568-2569 จุดวิกฤต คือ ภาคการส่งออก ซึ่งเคยเป็นพระเอกขับเคลื่อน GDP แต่ถูกคาดว่าจะ "หดตัว" อย่างมีนัยสำคัญ โดยสภาพัฒน์ คาดมูลค่าการส่งออกปี 2569 ว่าจะติดลบ -0.3% ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนภัยที่รุนแรงสำหรับประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างและภายนอก อาทิ TRADE WAR & GEOPOLITICS, CHINA FACTOR และสินค้าไทยตกยุค และคาด GDP ทั้งปี2569 อยู่ในช่วง 1.2% -2.2% เท่านั้น
 

ทั้งนี้ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี รายได้รัฐ (ภาษี) จะลดลง แต่ความจำเป็นในการใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจมีมากขึ้น ทำให้การขาดดุลงบประมาณ (BUDGET DEFICIT) ของไทยมีแนวโน้มดิ่งลง (ขาดดุลเพิ่มขึ้น) โดยคาดการณ์ปี 2568-2569 การขาดดุลอาจแตะระดับลึกกว่า -4.5% ต่อ GDP สะท้อนถึงรัฐบาลจะมีเงินเหลือสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลง
ในอนาคต หากเกิดวิกฤตซ้อนวิกฤต รัฐอาจไม่มีกระสุนเพียงพอ รวมถึงหากการขาดดุลเรื้อรังและหนี้สาธารณะพุ่งสูง อาจเสี่ยงต่อการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ (CREDIT RATING) ในอนาคต
 

นอกจากนี้ตลาดหุ้นช่วงนี้ดูเงียบเหงา มูลค่าซื้อขายเบาบาง จบเดือน พ.ย. ภาพรวมตลาดหุ้นมีการสลับจากหุ้น GROWTH มาเข้าหุ้น VALUE มากขึ้น หนุน ทองคำ +4.1%,
MSCI VALUE +1.1%ตรงข้าม MSCI GROWTH -1.9% และ BITCOIN -17%

ส่วนตลาดหุ้นไทย UNDERPERFORM -4.3% (MTD) พร้อมมูลค่าซื้อขายทั้งเดือนเฉลี่ยเบาบาง 3.4 หมื่นล้านบาท จากความเชื่อมั่นการเมืองลดลง บวกน้ำท่วมหาดใหญ่ และเดือน ธ.ค. วันหยุดเยอะมูลค่าซื้อก็อาจเบาบางต่อ

อีกทั้ง เดือน พ.ย. FUND FLOW ยังไหลออกจากตลาดหุ้นไทยมากสุดในเอเชียใต้ -365 ล้านเหรียญ หรือ 1.1 หมื่นล้านบาท พร้อมกับสถาบันฯ มีการขายสมทบอีก 9.0 พันล้านบาท กลยุทธ์แนะถือเงินสดในพอร๋ต 20 –30% ส่วน TOPPICK เลือกหุ้นมีปัจจัยเฉพาะตัวหนุน BDMS, ERW