ก.ล.ต.รับกู้ศรัทธา‘หุ้นไทย’ยาก ‘JKN’ ส่งไม้ต่อ ‘ตำรวจ-อัยการ’

กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง กรณี “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN หลังถูกศาลแขวงพระนครใต้ออก “หมายจับ” เพราะไม่มาฟังคำตัดสิน “คดีฉ้อโกงหุ้นกู้ JKN 30 ล้านบาท” ซึ่งก่อนศาลฯ ออกหมายจับดังกล่าว มีกระแสข่าวสะพัดว่า “แอน-จักรพงษ์” เดินทางออกนอกประเทศไปยัง “เม็กซิโก” และได้สัญชาติเม็กซิกันจากความช่วยเหลือของ “ราอูล โรชา คานตู” ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจอีกด้วย พร้อมเปลี่ยนร่าง “เงินบาท” มูลค่า 6,000 ล้านบาท กลายเป็น “คริปโทเคอร์เรนซี” และทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลัง 

แต่ล่าสุดจากข่าวหลายสำนักทั้งสำนักข่าวต่างประเทศ และในประเทศ รายว่าทางการประเทศเม็กซิโกออกหมายจับ “ราอูล โรชา คานตู” (Raul Rocha Cantu) ประธานและเจ้าของร่วมของเวทีการประกวดนางงาม “มิสยูนิเวิร์ส” ได้ถูกสำนักงานอัยการสูงสุดเม็กซิโกตั้งข้อหาเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้ายาเสพติด อาวุธ และน้ำมันเถื่อน ซึ่งนับเป็นเรื้องอื้อฉาวที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเวทีการประกวดนางงามระดับโลก 

โดยแถลงการณ์จากสำนักงานอัยการสูงสุดเม็กซิโก ระบุว่า ได้ออกหมายจับ ราอูล โรชา ซึ่งในแถลงการณ์เรียกว่า Raul “R” พร้อมผู้ต้องสงสัยอีก 12 ราย เมื่อ 16 พ.ย. หลังจากมีการเปิดการสอบสวนมานานกว่า 1 ปี เพื่อสืบสวนหาความเชื่อมโยงที่อาจเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม

รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเม็กซิโก Reforma ระบุว่า ราอูลถูกตั้งข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนของผิดกฎหมายระหว่างกัวเตมาลาและเม็กซิโก โดยสำนักงานอัยการสูงสุดของเม็กซิโก (FRG) ระบุว่า ราอูลเป็น “หัวหน้า” องค์กรอาชญากรรมที่ลักลอบขนน้ำมันเถื่อน โดยใช้เรือผ่านแม่น้ำอูซูมาซินตา ก่อนลำเลียงขึ้นรถบรรทุกเข้าประเทศเม็กซิโก แต่ ราอูลได้ปฏิเสธการกระทำผิดทุกข้อกล่าวหา ทั้งราอูลและตัวแทนของมิสยูนิเวิร์สไม่ได้ตอบคำถามจาก PEOPLE แต่อย่างใด

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า กรณีของ JKN ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ดำเนินการกล่าวโทษผู้กระทำผิดไปแล้ว ตามกระบวนการทางกฎหมายไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะเข้าสู่การดำเนินการของ ตำรวจ , อัยการ และศาล ต่อไป และยังย้ำว่า ก.ล.ต. ไม่มีอำนาจในการห้ามผู้บริหารหลบหนี แต่ ก.ล.ต. พร้อมประสานให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมมืออย่างเต็มที่ 

“บทบาทของ ก.ล.ต. ในการบังคับใช้กฎหมายหน้าที่หลักคือ การบังคับใช้กฎหมายโดยเร็วที่สุด เมื่อมีหลักฐานเพียงพอจะทำการกล่าวโทษ หากเป็นคดีอาญา ก.ล.ต. ไม่สามารถฟ้องร้องเองได้ แต่หากสามารถใช้มาตรการทางแพ่งได้ จะดำเนินการในรูปแบบการปรับหรือกำหนดโทษในการเป็นกรรมการ ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์เร็วกว่า ก็ได้ดำเนินการควบคู่กันไปแล้ว”

นางพรอนงค์ กล่าวต่อด้วยว่า การเรียกความเชื่อมั่นยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก แต่เราอยากชี้ให้เห็นว่ายังมีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กว่า 700 แห่งที่ไม่มีปัญหา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมามีเคสหุ้น STARK หรือ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) , หุ้น 

EARTH หรือ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) จนมาถึงหุ้น JKN ซึ่งบทบาทของ ก.ล.ต. เดินหน้าในการทำงานอย่างเต็มที่ในการบังคับใช้กฎหมายและพัฒนาเครื่องมือป้องกัน เช่น การกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) การเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมการ และผู้ควบคุมดูแล (gatekeeper) เช่น ผู้สอบบัญชี รวมถึงการใช้ข้อมูลจากสังคมเพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“การรักษาความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทย บทบาทของก.ล.ต. มุ่งเน้น การบังคับใช้กฎหมาย การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน การพัฒนาตลาด และที่สำคัญการร่วมมือกับตลท.และหน่วยงานอื่น ๆ เน้นย้ำถึงความพยายามในการปรับปรุงกระบวนการกำกับดูแล และออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน”