หุ้นไทยปิดเย็นร่วง 8.47 จุด โบรกเผยตลาดซึม วอลุ่มบาง เทศกาลThanksgiving-น้ำท่วมกดดัน

"หุ้นไทยวันนี้"(27 พ.ย.) ปิดตอนเย็นอยู่ที่ 1,252.71 จุด ร่วง 8.47 จุด หรือ 0.67% ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,264.79 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,251.94 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 23,180.98 ล้านบาท

หุ้นไทยวันนี้ ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1.BDMS ราคาปิด 18.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.72% มูลค่าซื้อขาย 1,831.28 ล้านบาท

2.ADVANC ราคาปิด 304.00 บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ 1.62% มูลค่าซื้อขาย 1,820.73 ล้านบาท

3.TRUE ราคาปิด 10.80 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 3.57% มูลค่าซื้อขาย 1,777.79 ล้านบาท

4.DELTA ราคาปิด 199.00 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ 2.93% มูลค่าซื้อขาย 1,663.55 ล้านบาท

5.AOT ราคาปิด 43.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 779.42 ล้านบาท

ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้อยู่ในภาวะซบเซาอย่างเห็นได้ชัด โดยมีสาเหตุหลักจากมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลงมาก เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในช่วงเทศกาล Thanksgiving หรือวันขอบคุณพระเจ้าคือวันหยุดประจำชาติของชาวอเมริกัน ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญราวครึ่งหนึ่งของปริมาณการซื้อขายในตลาดไทยลดกิจกรรมลงตามไปด้วย

"ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวแบบซึม ๆ ตลอดวัน มูลค่าการซื้อขายถือว่าต่ำสุดในรอบเดือน ซึ่งแตกต่างจากภาวะปกติที่ตลาดมักมีวอลุ่มราว 29,000–40,000 ล้านบาท เมื่อวอลุ่มบาง แรงหนุนตลาดจึงหายไป ทำให้ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวอ่อนแรง นอกจากนี้ พรุ่งนี้ (28 พ.ย.2568)ตลาดสหรัฐฯ เปิดทำการเพียงครึ่งวัน ภาพรวมการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจึงน่าจะยังเงียบเหงาต่อเนื่อง"

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังต้องติดตามสถานการณ์ น้ำท่วมภาคใต้ ซึ่งแม้ไม่ใช่ปัจจัยหลักในวันนี้ แต่ยังคงเป็นประเด็นที่กดดัน sentiment ของการลงทุนโดยรวม ซึ่งกลุ่มหุ้นที่ฉุดตลาดวันนี้ (28 พ.ย.2568)  ได้แก่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนกดดันดัชนีหุ้นไทยราว 2 จุด กลุ่มไอซีทีฉุดลงอีก 1.5 จุด และกลุ่มธนาคารกดตลาดประมาณ 1.3 จุดนอกจากนี้ยังมีแรงขายทำกำไรในบางกลุ่มที่ราคาปรับขึ้นมาก่อนหน้า

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนพรุ่งนี้ (28 พ.ย.2568) เน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ BDMS ได้แรงหนุนจากโครงการซื้อหุ้นคืน รวมถึงอากาศที่หนาวเร็วกว่าปกติ และความต้องการบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้นช่วงฝนตกน้ำท่วม ขณะที่กลุ่มซ่อมสร้างได้ประโยชน์จากความต้องการซ่อมบ้านและทรัพย์สิน เช่น HMPRO และกลุ่มท่องเที่ยวราคาหุ้นปรับลงมามากจนเริ่มน่าสนใจ และมีโอกาส Outperform ในช่วงปลายปีจากกระแสนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีนที่อาจเลือกเดินทางมาไทยแทนญี่ปุ่น หุ้นเด่นคือ ERW และ MINT

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามให้จับตาตัวเลข PMI ของจีน ที่จะประกาศวันที่ 30 พ.ย.2568 ซึ่งคาดว่าจะออกมาต่ำกว่าคาด อาจนำไปสู่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากจีน ซึ่งจะเป็นแรงหนุน sentiment ตลาดหุ้นภูมิภาครวมถึงไทยด้วย