‘ศรีนานาพร‘ ปี69 มุ่งปั้น‘กำไร’ เดินเกมในประเทศ ดันรายได้โต 5-9%

“ศรีนานาพร” ปรับทัพสู้ปี 69 เดินหน้ารักษา “กำไร” ชู 3 กลยุทธ์ “พัฒนาผลิตภัณฑ์แบรนด์หลัก -บริหารต้นทุนเข้ม -ขยายเวียดนาม” หนุนเป้ารายได้ในประเทศโต 5-9% เวียดนามเพิ่ม 20%
KEY
POINTS
- ศรีนานาพร (SNNP) ปรับกลยุทธ์ปี 2569 โดยเปลี่ยนมามุ่งเน้นการสร้าง "กำไร" ให้เติบโตแข็งแกร่งมากกว่าการเน้นที่ยอดขาย
- ตั้งเป้าหมายรายได้ในประเทศให้เติบโตที่ระดับ 5-9% ผ่านการออกสินค้าใหม่ การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิม และการทำตลาดแบรนด์หลัก
- เดินหน้าฟื้นฟูและขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในเวียดนามซึ่งเป็นตลาดสำคัญ ตั้งเป้าเติบโต 20% หลังปรับโมเดลการกระจายสินค้า
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปีนี้ คาดว่ารายได้ยอดขายในประเทศ เติบโตเพียง 1-2% หรือทรงตัวจากปีก่อนจากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้ยอดขายในประเทศเติบโต 2% และกำไรยังชะลอตัวลง และคาดกำไรปีนี้ น่าจะยังต่ำกว่าปีก่อน คงไม่ฝืนตลาด
สาเหตุหลักมาจากตลาดเครื่องดื่มปีนี้ มีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากยอดขายจาก 7-Eleven ปรับลงจากผลกระทบมาตรการคนละครึ่งพลัส และสภาพอากาศฝนมาเร็ว ร้อนน้อย รวมถึงปลายปีฝนตกยาว ล่าสุด ในไตรมาส 4 ปี 2568 มีน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะหาดใหญ่ และภาคใต้ตอนล่าง น่าจะใช้เวลาฟื้นฟูสถานการณ์น้ำท่วมจนถึงสิ้นปีนี้ ทำให้กระทบยอดขายภาคใต้หายไปแน่นอน
“เรามียอดขายในพื้นที่หาดใหญ่ปกติ 20 ล้านบาท ตอนนี้ถูกตีเป็นศูนย์ และภาคใต้ตอนล่าง พบว่า มีความกังวลน้ำท่วม เช่น ยะลา เริ่มมี งดรับสินค้า เราคาดน้ำท่วมหาดใหญ่น่าจะคลี่คลายใน 1-2 สัปดาห์แรกของเดือนธ.ค. และฟื้นฟูจบสิ้นปีนี้ ทำให้แนวโน้มไตรมาส 4 ปีนี้เทียบปีก่อน ยอดขายน่าจะติดลบจากฐานสูงปีก่อน และผลกระทบน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ แต่คาดทรงตัวจากไตรมาสก่อน พยายามปรับกลยุทธ์ ออกแบรนด์สินค้าใหม่”
ดังนั้น แผนธุรกิจและกลยุทธ์ ปี 2569 บริษัทเดินหน้าปรับกลยุทธ์เพื่อรักษากำไร ซึ่งจะโฟกัสกำไรมากกว่ายอดขาย การทำกำไร ภายใต้แบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพิ่งยอดขายและทำกำไร การขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดเวียดนาม พร้อมทั้งใช้งบการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ วางไว้3% ของรายได้ยอดขายเท่ากับปีก่อน
โดยตั้งเป้าหมายในปีหน้ารายได้ยอดขายในประเทศ เติบโตที่ระดับ Mid-to-High Single Digit ประมาณ 5-9% และเน้นที่ Bottom Line หรือกำไรกลับมาเติบโตให้แข็งแกร่งขึ้นทุกปี ยังคงมีสัดส่วนรายได้ 80% มาจากตลาดในประเทศ และ 20% มาจากตลาดต่างประเทศ
“โดยรวมแล้ว ปีหน้าจะเป็นปีที่บริษัทจะมุ่งเน้นการสร้างกำไร การปรับโครงสร้างการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการขยายตลาดต่างประเทศอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในเวียดนามที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่สำคัญ”
สำหรับ กลยุทธ์การตลาดมุ่งสร้างธุรกิจที่มีกำไรมากขึ้น การใช้จ่ายเงินจะโฟกัสไปในส่วนที่สร้างกำไร อาจยอมเสียยอดขายในบางช่องทางเพื่อผลกำไรที่ดีขึ้น
รวมทั้งการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และราคพยายามลดต้นทุนและราคาขายให้ถูกลง เช่น Jele มีการปรับขนาดซองให้ใหญ่ขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ออกกำลังล่าสุดสุดดออกสินค้าใหม่วุ้นสำเร็จรูปแคร์ราจีแนน ผสมบุกผงตราเจเล่ เยลลี่ โซดาเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่กลุ่ม Gen Z (วัยรุ่น - นักศึกษา - วัยเริ่มทำงาน)นำร่องปลายปีนี้และทำตลาดเต็มตัวในช่วงต้นปีหน้า
และ Bento จะมีการทำหนังโฆษณาพิเศษร่วมกับบริษัทโปรดักชั่นระดับหนึ่งของประเทศไทย ในช่วงกลางปีหน้าจะมีแคมเปญ “ว้าว” โดยจับมือกับบริษัทระดับโลก ยังเปิดเผยไม่ได้
กลยุทธ์ช่องทางจำหน่าย ปรับสัดส่วนช่องทางขายโมเดิลเทรด 80% ค้าส่ง 20% กลับมาที่สัดส่วน 75 : 25 เช่นในอดีตเพื่อให้บริหารจัดการได้ดีขึ้น พร้อมทั้งจะโฟกัสไปที่ Core Brand, การสร้าง Display ที่โดดเด่น และโปรโมชั่นช่วยสร้างยอดขาย
นอกจากนี้ตลาดต่างประเทศ มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 20% ของรายได้ทั้งหมด (ขายใน 35 ประเทศ) โดย 75% มาจากกลุ่มประเทศ CLMV ในเวียดนาม เป็นตลาดที่โฟกัสมากที่สุด เนื่องจากเคยมีปัญหาเรื่องการกระจายสินค้าและการแต่งตั้ง Distributor ที่ไม่เชี่ยวชาญ ทำให้ยอดขายลดลง มีการปรับปรุงโมเดลการกระจายสินค้าใหม่ โดยเพิ่ม Daple (ศูนย์กระจายย่อย) และ Sub-Distributor
ขณะที่ ปีหน้าตั้งเป้าเวียดนามเติบโต 20% จากการฟื้นตัว และขยาย Coverage ในตลาด General Trade เชื่อจะสามารถทำยอดขายกลับไปสู่ระดับ 600 ล้านบาทได้ จากไตรมาส 4 ปีนี้และกลับมาโต กว่าปีก่อน ส่วนในประเทศอื่น ๆ จะลดโมเดล Export หรือขายแล้วจบ และเปลี่ยนเป็น Despotism หรือร่วมมือกับ Partner เพื่อเข้าใจตลาดและสร้างการเติบโตที่มั่นคง ให้การโตมีประสิทธิภาพมากขึ้น







