‘กูรู’ ย้ำหุ้นเทคยังไม่ถึงจุดวิกฤติ เตือนปีหน้า ศก.ชะลอ เสี่ยง ‘หุ้นโลกพักฐาน’

‘กูรู’ ย้ำหุ้นเทคยังไม่ถึงจุดวิกฤติ เตือนปีหน้า ศก.ชะลอ เสี่ยง ‘หุ้นโลกพักฐาน’

กูรู มองว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังไม่ถึงจุดวิกฤติหรือภาวะฟองสบู่ในระยะสั้น เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ยังคงแข็งแกร่งและเติบโตตามทันมูลค่าหุ้น

KEY

POINTS

  • ผู้เชี่ยวชาญ (กูรู) มองว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังไม่ถึงจุดวิกฤติหรือภาวะฟองสบู่ในระยะสั้น เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ยังคงแข็งแกร่ง และเติบโตตามทันมูลค่าหุ้น
  • ปัจจัยบวกระยะสั้นที่หนุนตลาดคือ การคลี่คลายสถานการณ์ Government Shutdown ของสหรัฐ ซึ่งช่วยฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน
  • มีการเตือนถึงความเสี่ยงในปีหน้า (ปี 2569) ที่อาจทำให้ตลาดหุ้นโลกปรับฐาน (พักฐาน) จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัวลงในอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 6 ปี
  • ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในปีหน้า ได้แก่ สภาพคล่องในระบบที่มีโอกาสลดลง และระดับมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นโลกที่ค่อนข้างตึงตัว โดยเฉพาะในตลาดหุ้นสหรัฐ
  • คำแนะนำสำหรับนักลงทุนคือ เก็งกำไรกลุ่มเทคในระยะสั้นสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงสูงได้ แต่ในระยะยาวต้องเน้นลงทุนอย่างรอบคอบ และคัดเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง                                                                                                                                

แม้ “ตลาดหุ้นทั่วโลก” และ “หุ้นสหรัฐ” จะเผชิญแรงกังวลเรื่อง “ฟองสบู่หุ้นเทค” หลังราคาปรับขึ้นแรงต่อเนื่อง แต่ภาพรวมยังมีโอกาส “ไปต่อ” ในระยะสั้น หนุนด้วยผลประกอบการที่ยังแข็งแกร่งของ “บริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี” และการคลี่คลายสถานการณ์ Government Shutdown ของสหรัฐ ซึ่งช่วยฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน

โดย “กูรู” เตือนระวังปัจจัยเสี่ยงปี 2569 ทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สภาพคล่องลดลง และระดับมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ตึงตัว พร้อมแนะนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับสูง เก็งกำไรกลุ่มเทคสหรัฐระยะสั้น แต่เน้นลงทุนอย่างรอบคอบ และเลือกหุ้นพื้นฐานแข็งแรงระยะยาว

‘กูรู’ ย้ำหุ้นเทคยังไม่ถึงจุดวิกฤติ เตือนปีหน้า ศก.ชะลอ เสี่ยง ‘หุ้นโลกพักฐาน’

ธนพงศ์ เจริญวัฒนกิจ”ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐยังคงสามารถไปต่อได้ แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นฟองสบู่แตกก็ตาม อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน ยังไม่เห็นภาพว่า ฟองสบู่จะแตก และเมื่อพิจารณาหุ้นรายตัวขนาดใหญ่ เช่น NVIDIA และ AMD พบว่า ผลประกอบการของบริษัทยังคงเติบโตตามมูลค่า ดังนั้น ในระยะสั้น 1-2 ปี จึงยังไม่น่ากังวล

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐจะได้รับแรงหนุนจากการคลี่คลาย Government Shutdown ลงไปแล้ว จะทำให้ตลาดหุ้นสามารถขึ้นต่อไปได้ และเป็นปัจจัยเชิงบวกในระยะสั้น

ประเด็นสำคัญที่ยังคงต้องเฝ้าติดตามของสหรัฐ หลังจากนี้อาจมีโอกาสในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ แม้ว่าความกังวลเรื่อง Government Shutdown จะจางไปแล้ว แต่ในระยะถัดไปจะต้องกังวลเรื่องเงินเฟ้ออีกครั้ง โดยแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐ จะมีแนวคิดในการแจกเงิน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อกลับมาเหมือนช่วงหลังโควิด หรือช่วงที่มีมาตรการ QE หากนโยบายนี้เกิดขึ้นจริง และเงินเฟ้อกลับมา ท้ายที่สุดผู้คนก็จะกลับไปกังวลเรื่องเศรษฐกิจอีกทีหนึ่ง

“ความผันผวนตลาดหุ้นสหรัฐ มีผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทย เนื่องจากตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่ ได้รับผลกระทบจากการค้าขายทั่วโลกค่อนข้างมาก ดังนั้น หากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวดีขึ้น ตลาดหุ้นในเอเชียก็จะดีตามไปด้วย”

สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงหากยังไม่มี “หุ้นสหรัฐ” หรือ “หุ้นเทคสหรัฐ” สามารถ เก็งกำไรในกลุ่มเทคได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องตระหนักว่าเป็นการรับความเสี่ยงที่สูง เนื่องจากยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่า เศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในเรื่องของภาคการจ้างงานต่างๆ

ส่วน นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากแนะนำให้สวิตช์ไปที่ตลาดหุ้นจีน ซึ่งยังดูน่าสนใจกว่าในแง่ของ Valuation หรือหากต้องการความปลอดภัยสูงให้ไปที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ซึ่งมีปันผลรองรับ

กรรณ์ หทัยศรัทธา” หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และนักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในระยะสั้นเชื่อหุ้นเทคของสหรัฐจะได้รับอานิสงส์จากการที่ความกังวลเรื่อง government shutdown สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากการปิดดำเนินงานนานกว่า 40 วัน ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นบวกต่อตลาด นอกจากนี้ หุ้นเทคที่เคยปรับตัวลงไป ขณะนี้ได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาเกือบจะคืนกำไรที่ลดลงไปได้ทั้งหมดแล้ว

ทั้งนี้ ในส่วนของฟองสบู่ของหุ้นเทคฯ สหรัฐ มองว่า ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่เข้าข่าย เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ยังมีกำไรมาช่วยรองรับอยู่ ทำให้เชื่อว่า หุ้นเทค และหุ้นโลกน่าจะยังไปต่อได้จนถึงครึ่งปีแรกของปีหน้า โดยภาพรวมยังคงเป็นบวก

นอกจากนี้ ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาแนวต้านอยู่ที่ระดับ 100 ดอลลาร์ คาดดอลลาร์จะอ่อนค่าลง และเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้น ซึ่งปัจจุบันโบรกเกอร์ต่างชาติหลายแห่งได้ปรับ Target Price ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นเป็น 7,500 จุด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยช่วยสนับสนุนตลาด

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมจะเป็นบวก แต่ความเสี่ยงที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดในปีหน้า งบประมาณการลงทุนของกลุ่ม 7 นางฟ้า หากการลงทุนมีการชะลอตัว อาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงได้ ขณะที่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่มีการพึ่งพารายได้ซึ่งกัน และกันมากเกินไป เช่น NVIDIA ขายชิปให้กับกลุ่ม 7 นางฟ้า หรือ META จับมือกับ Google ซึ่งการพึ่งพากันแบบนี้จะชะลอตัวลงหรือไม่ในปีหน้า

ภราดร เตียรณปราโมทย์” ผู้อำนวยการ ฝ่ายสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงถึง 3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 32 สัปดาห์ แม้จะมีความผันผวนสูง แม้การยุติลงของ Government Shutdown ได้เข้ามาช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นมีการรีบาวด์กลับขึ้นมาในระยะสั้น แต่ในภาพรวมระยะยาว การลงทุนจำเป็นต้องมีความรอบคอบ และเน้นการ selective มากขึ้น

สำหรับ ปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้มีโอกาสเห็นความท้าทายการลงทุนปีหน้า โดยมีโอกาสที่จะเห็นการปรับฐานตลาดหุ้นโดยรวมมาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงปีหน้า โดยเติบโตในอัตราที่ต่ำลง โดยบลูมเบิร์ก คาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะเติบโตประมาณ 2.9-3.1% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดในรอบ 6 ปี หากนับตั้งแต่ก่อนเกิดโควิดเป็นต้นมา

ขณะที่ สภาพคล่องส่วนเกินลดลง แม้ปีนี้เฟดจะมีการลดดอกเบี้ยไปแล้ว 2 ครั้ง และคาดจะลดอีก 1 ครั้ง แต่การคาดการณ์ปีหน้ากลับมองเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว ทำให้สภาพคล่องที่จะมาหนุนระบบมีโอกาสลดลงตามไปด้วย และระดับ Valuation ของตลาดหุ้นโลกค่อนข้างตึงมาก โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐมีสัดส่วนมูลค่าเทียบกับ GDP ประมาณ 2.1% และอัตราส่วน P/E อยู่ในระดับที่แทบจะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนแนะนำทยอยซื้อช่วงปรับฐานลงมา โดยเน้นการคัดเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี หรือเลือกลงทุนใน New S-curve ส่วนหุ้นเทคอาจต้องเริ่มเลือกเฟ้นมากขึ้น โดยมองหาธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีโอกาสเติบโตในปีหน้า

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์