โอกาสลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาโดดเด่นทำสถิติสูงสุดในรอบหลายสิบปี โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การกลับมาของเงินเฟ้อ และการเติบโตของค่าจ้างที่กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาโดดเด่นทำสถิติสูงสุดในรอบหลายสิบปี โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การกลับมาของเงินเฟ้อ และการเติบโตของค่าจ้างที่กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
  • การปฏิรูปธรรมาภิบาลองค์กรที่ผลักดันโดยตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ส่งผลให้บริษัทต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุน มีการซื้อหุ้นคืน และสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน
  • ญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าทำให้สินทรัพย์มีราคาถูกลง ประกอบกับบทบาทสำคัญของประเทศในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี AI และเซมิคอนดักเตอร์
  • พฤติกรรมของนักลงทุนในประเทศกำลังเปลี่ยนไป โดยครัวเรือนญี่ปุ่นเริ่มย้ายเงินจากบัญชีเงินฝากมาสู่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นและกองทุนรวม เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น
  • ญี่ปุ่นได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก โดยบริษัทตะวันตกย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังญี่ปุ่น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสำคัญอย่างเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์

หลังจากเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจซบเซาและเงินฝืดมานานหลายทศวรรษ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกำลังกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง ดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวขึ้นทะลุ 40,000 จุดในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ปี 1989 โดยได้รับแรงหนุนจากการปฏิรูปภายในประเทศ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก และความเชื่อมั่นของนักลงทุน สำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ญี่ปุ่นกำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจในการลงทุนในหุ้น แม้จะยังมีความเสี่ยงและความท้าทายเชิงโครงสร้างอยู่บ้าง

การฟื้นตัวของตลาดหุ้นญี่ปุ่นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เป็นผลจากการปรับตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2025 ตลาดหุ้นเร่งตัวขึ้นจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังการลาออกของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ และการขึ้นดำรงตำแหน่งของซานาเอะ ทาคาอิจิ สร้างความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายสนับสนุนการเติบโต 2) กระแส AI และเทคโนโลยี เนื่องจากญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน AI ของโลก โดยเฉพาะในด้านเซมิคอนดักเตอร์ หุ่นยนต์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม ทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ 3) ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าทำให้สินทรัพย์ญี่ปุ่นมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ 4) การปฏิรูปภาคธุรกิจ โดยตลาดหลักทรัพย์โตเกียวผลักดันให้บริษัทต่างๆ ปรับปรุงธรรมาภิบาลและประสิทธิภาพการใช้เงินทุน ส่งผลให้มีการซื้อหุ้นคืน ปรับโครงสร้าง และเพิ่มผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น

ในด้านเศรษฐกิจ เงินเฟ้อของญี่ปุ่นกลับมาอีกครั้งหลังจากเผชิญกับภาวะเงินฝืดมายาวนาน โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นค่าจ้างและราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ การเจรจาค่าจ้างประจำฤดูใบไม้ผลิ (Shunto) ส่งผลให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบหลายสิบปี และส่งผลให้การใช้จ่ายของครัวเรือนฟื้นตัว ในขณะที่ การใช้จ่ายเงินลงทุนของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยี โลจิสติกส์ และระบบอัตโนมัติ ทางด้าน IMF คาดการณ์ว่า GDP ของญี่ปุ่นจะเติบโตที่ 1.2% ในปี 2025 โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนเทคโนโลยีและการบริโภคภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนหลักแทนการใช้จ่ายภาครัฐ

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นญี่ปุ่นในระยะยาว โดยทาง Morgan Stanley ระบุว่าพฤติกรรมของครัวเรือนญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนไปจากการเน้นเงินฝากสู่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นและกองทุนรวม รวมถึงได้แรงหนุนจากหลายปัจจัยที่ช่วยผลักดันตลาดหุ้นญี่ปุ่น ได้แก่:

1. การปฏิรูปธรรมาภิบาลองค์กร

ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวผลักดันมาตรฐานความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงผลักดันให้บริษัทต่างๆ ที่มีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/B) ต่ำกว่า 1 ให้ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เงินทุน ส่งผลให้บริษัทกว่า 80% ดำเนินมาตรการซื้อหุ้นคืน ปรับโครงสร้าง และเพิ่มผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น โดย Goldman Sachs มองว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างช่วยเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน และคาดว่ากำไรต่อหุ้นจะเติบโตสะสมถึง 32% ใน 3 ปี

2. การกลับมาของเงินเฟ้อและค่าจ้าง

การเปลี่ยนผ่านจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อช่วยเพิ่มกำไรของบริษัท ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างส่งผลให้บริษัทสามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้มากขึ้น

3. การลงทุนจากต่างประเทศ

นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นมากขึ้น โดยมีแรงจูงใจจากมูลค่าหุ้นที่ยังไม่แพงและค่าเงินเยนอ่อน โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นญี่ปุ่นกว่า 3.5 ล้านล้านเยนในไตรมาส 3/2025

4. การบริโภคภายในประเทศ

ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลช่วยหนุนการใช้จ่ายของครัวเรือน ซึ่งจะสร้างวงจรเชิงบวกระหว่างค่าจ้าง ราคา และการเติบโต

5. การย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ

ญี่ปุ่นได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก โดยบริษัทตะวันตกย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังญี่ปุ่น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์

ในด้านความเสี่ยง สิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณา ได้แก่ 1) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากญี่ปุ่นตั้งอยู่ใกล้จีน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย ซึ่งอาจเกิดความไม่แน่นอนทางการค้าและความมั่นคงในภูมิภาค 2) ระบบการเมืองแบบผสมของญี่ปุ่นและข้อจำกัดทางการคลังอาจขัดขวางการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล 3) ธนาคารกลางญี่ปุ่นเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบ แต่การขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจกดดันมูลค่าหุ้น 4) นักวิเคราะห์เตือนว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาจมีมูลค่าสูงเกินไป และอาจเกิดการปรับฐานในอนาคต

โดยสรุป ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในปี 2025 เป็นเรื่องราวของการฟื้นตัว การปฏิรูป และความแข็งแกร่ง ด้วยเงินเฟ้อที่กลับมา ธรรมาภิบาลองค์กรที่ดีขึ้น และการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ ดัชนี Nikkei และ TOPIX มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการเงิน และมูลค่าหุ้นอย่างใกล้ชิด

สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลง ญี่ปุ่นถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจ ทั้งนี้ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ประเมินความเสี่ยงการลงทุน และความสามารถในการรับความเสี่ยงของท่านก่อนการตัดสินใจลงทุน รวมถึงติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ