โอกาสการลงทุนในเทคโนโลยีจีน : พลังขับเคลื่อนใหม่ของเศรษฐกิจ

ภาพรวมการลงทุนในเทคโนโลยีจีนมีแนวโน้มเชิงบวก จากการสนับสนุนของภาครัฐในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ (AI, EV, Semiconductor) การฟื้นตัวของผลประกอบการ และการเปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจของประเทศไปสู่การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

KEY

POINTS

  • สัญญาณผ่อนคลายในสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในกลุ่ม Semiconductor และ Clean Energy หลังจากจีนยอมพักการควบคุมการส่งออกแร่หายาก และสหรัฐฯ ชะลอการจำกัดเทคโนโลยี
  • รัฐบาลจีนเปลี่ยนทิศทางนโยบายจาก "ควบคุม" สู่ "ส่งเสริม" ภาคเทคโนโลยีอย่างเป็นทางการ โดยยกให้เป็น "เครื่องจักรใหม่ของเศรษฐกิจ" และเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาตะวันตก
  • บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน เช่น Tencent และ Alibaba แสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง โดย Tencent มีรายได้จากเกมและ FinTech ที่เติบโต ส่วน Alibaba กำลังปรับโครงสร้างและรุกหน้าด้าน AI และ Cloud
  • บริษัทอย่าง Xiaomi กำลังเปลี่ยนตัวเองเป็น "Tech Conglomerate" ที่มี Ecosystem ครบวงจร (HyperOS) ขณะที่ CATL ครองตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโลกด้วยจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและซัพพลายเชน
  • กลุ่ม Semiconductor ของจีน โดยเฉพาะ SMIC (ผู้ผลิตชิป) และ ACMR (ผู้ผลิตเครื่องจักร) กลายเป็นแกนหลักของยุทธศาสตร์ "ชิปแห่งชาติ" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี
  • ภาพรวมการลงทุนในเทคโนโลยีจีนมีแนวโน้มเชิงบวก จากการสนับสนุนของภาครัฐในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ (AI, EV, Semiconductor) การฟื้นตัวของผลประกอบการ และการเปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจของประเทศไปสู่การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

Investment Opportunities in China’s Technology Sector: The New Engine of Economic Growth

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เริ่มจากมาเลเซียต่อเนื่องถึงการประชุม APEC ที่เกาหลีใต้ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยจีนยอมพักการควบคุมการส่งออกแร่หายากเป็นเวลา 1 ปี ขณะที่สหรัฐฯ ชะลอการขยายมาตรการจำกัดเทคโนโลยี เพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทาน Critical Minerals และ Semiconductor ที่เป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลก ทรัมป์ยังส่งสัญญาณอาจหารือกับ สี จิ้นผิง เรื่องการอนุญาตให้ Nvidia กลับมาขายชิประดับสูงให้จีน ซึ่งสะท้อนท่าทีผ่อนคลายของสงครามเทคโนโลยี และช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในกลุ่ม Semiconductor และ Clean Energy ทั่วโลก พร้อมนำไปสู่ภาวะ “พักรบเชิงกลยุทธ์” ระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจ

จีนจากผู้ตามสู่การสร้างจักรวาลเทคโนโลยีของตัวเอง

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มเทคโนโลยีจีนเผชิญแรงกดดันจากนโยบายควบคุมของรัฐบาล ส่งผลราคาหุ้นเทคปรับตัวลดลง แต่ จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในไตรมาส 1/2025 เมื่อรัฐบาลจีนจัดประชุมกับเหล่า CEO บริษัทเทคชั้นนำ เพื่อยืนยันการสนับสนุนภาคเทคโนโลยีในฐานะ “เครื่องจักรใหม่ของเศรษฐกิจ” ถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางจาก “ควบคุม” สู่ “ส่งเสริม” อย่างเป็นทางการ ประกอบกับ การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 4 (Fourth Plenum) ยิ่งย้ำแนวทางดังกล่าว ด้วยการวางแผนเศรษฐกิจที่เน้น “พัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง” ผลที่ตามมาคือการฟื้นตัวรอบใหม่ของหุ้นเทคจีน ดัชนี MSCI China ปรับขึ้นกว่า 30% นำโดย Tencent, Alibaba เป็นต้น ซึ่งสามารถเทียบชั้นได้กับเทคยักษ์ของสหรัฐฯ

Tencent (DR Ticker: TENCENT80) ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วสู่การทำกำไรอย่างยั่งยืน รายได้จากเกมและบริการโฆษณาฟื้นตัว ขณะที่รายได้จาก FinTech ที่ขยายตัวจากความฉลาดของอัลกอริทึมคัดเลือกลูกค้า และที่สำคัญ Ecosystem ของ WeChat กลายเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมทุกบริการดิจิทัลของประชากรจีนที่มีจำนวนผู้ใช้สูงสุด

Alibaba (DR Ticker: BABA23)  เดินหน้าปรับองค์กรครั้งใหญ่ รวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งในและต่างประเทศเข้าด้วยกัน พร้อมพัฒนาโมเดล AI ภายในชื่อ “Tongyi Qianwen” เพื่อสร้างบริการขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ และต่อยอดสู่ธุรกิจ Cloud ที่ยังครองอันดับ 1 ในประเทศ

Xiaomi (DR Ticker: XIAOMI80) เปลี่ยนภาพจากผู้ผลิตมือถือราคาราคาย่อมเยา เมื่อเทียบกับคู่แข่ง สู่ “Tech Conglomerate” ที่มีทั้งสมาร์ทโฟน อุปกรณ์ IoT รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และบริการออนไลน์ทั้งหมดเชื่อมผ่านระบบเดียว HyperOS การเชื่อมต่ออุปกรณ์ในระบบนี้ทำให้ Xiaomi กลายเป็นคู่แข่งของ Apple ในมิติ Ecosystem

CATL (DR Ticker: CATL80) ด้วยส่วนแบ่งตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) สูงที่สุดในโลก บริษัทมีจุดแข็งทั้งด้านเทคโนโลยี การควบคุมต้นทุน และเครือข่ายซัพพลายเชนที่ครบวงจร ขณะเดียวกันดีมานด์จากยุโรปและอเมริกาใต้ยังช่วยหนุนอัตรากำไรและกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่ง

กลุ่ม Semiconductor จีน กำลังเป็นแกนหลักของยุทธศาสตร์ “ชิปแห่งชาติ” เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและลดการพึ่งพาตะวันตก โดยมีสองบริษัทสำคัญคือ SMIC และ ACM Research (ACMR) ที่ทำหน้าที่เสริมกันในห่วงโซ่การผลิตชิป

SMIC (DR Ticker: SMIC23)  เป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่สุดของจีนและอันดับ 3 ของโลก ทำหน้าที่คล้าย TSMC ซึ่งกำลังเร่งขยายการผลิตระดับ 7–14 นาโนเมตร เพื่อตอบรับดีมานด์จาก AI และรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนรัฐ Big Fund Phase III

ACMR เป็นผู้ผลิตเครื่องจักรทำความสะอาดแผ่นซิลิคอนที่จำเป็นในกระบวนการผลิตชิป ที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ยกว่า 40–50% ต่อปีจากการขยายกำลังผลิตในประเทศ ทั้งสองจึงเปรียบเสมือน “หัวใจและเครื่องมือสร้างหัวใจ” ของอุตสาหกรรมชิปจีน ที่กำลังปูทางสู่ความพึ่งพาตนเองและอำนาจเทคโนโลยีในระยะยาว

มุมมองการลงทุน

โดยภาพรวมนี้สะท้อนว่าจีนไม่ได้เพียง “กลับมา” แต่กำลัง “เปลี่ยนโมเดลการเติบโต” ครั้งใหญ่ จากเศรษฐกิจที่เคยพึ่งพาการส่งออกและภาคอสังหาริมทรัพย์ สู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี พลังงานสะอาด และนวัตกรรมภายในประเทศอย่างเป็นระบบ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า “เศรษฐกิจ ความมั่นคง และเทคโนโลยี” ของจีนกำลังหลอมรวมเป็นแกนเดียวและเป็นแหล่งอำนาจของการต่อรองกับสหรัฐฯอีกด้วย

ในเชิงการลงทุน จากแนวโน้มปัจจุบัน DAOL SEC มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเทคโนโลยีจีน จากแรงสนับสนุนของนโยบายรัฐที่เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น AI, Semiconductor, รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และพลังงานสะอาด ประกอบกับการฟื้นตัวของผลประกอบการบริษัทเทคขนาดใหญ่ และสัญญาณผ่อนคลายจากความตึงเครียดทางนโยบายระหว่างประเทศ สู่การเป็นธีมการลงทุนเชิงโครงสร้างสำคัญที่คาดว่ามีศักยภาพเติบโตในระยะยาว