หุ้น SMO บวก 6.34% รับอานิสงส์กำลังผลิตเพิ่ม โบรกชี้กำไรโตแรงต่อเนื่อง

หุ้น SMO บวก 6.34% รับอานิสงส์กำลังผลิตเพิ่ม โบรกชี้กำไรโตแรงต่อเนื่อง

หุ้น SMO ปรับตัวขึ้น 6.34% มาอยู่ที่ราคา 4.36 บาท โบรกเผยรับปัจจัยหนุนจากการขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงกระบวนการผลิตที่แล้วเสร็จ บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจากปัจจุบัน 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง เป็น 315 ตันต่อชั่วโมงในปี 2569 เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเบอร์ต้นของประเทศ คาดการณ์ว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง เฉลี่ย (CAGR) ที่ 51% ในช่วงปี 2568-2570

KEY

POINTS

  • หุ้น SMO ปรับตัวขึ้น 6.34% มาอยู่ที่ราคา 4.36 บาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงกระบวนการผลิตที่แล้วเสร็จ
  • บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจากปัจจุบัน 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง เป็น 315 ตันต่อชั่วโมงในปี 2569 เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเบอร์ต้นของประเทศ
  • บล.กรุงศรีคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ SMO จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 51% ในช่วงปี 2568-2570
  • การเติบโตของกำไรเป็นผลมาจากอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization rate) ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 60% และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ปรับตัวดีขึ้น
  • โบรกเกอร์ประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้น SMO ในปี 2569 ไว้ที่ 7.50 บาทต่อหุ้น

ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 11 พ.ย.2568 เวลา 10.30 น. หุ้น SMO หรือ บมจ.กลุ่มสมอทอง บวก 6.34% เพิ่มขึ้น 0.26 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 4.36 บาท 

หุ้น SMO บวก 6.34% รับอานิสงส์กำลังผลิตเพิ่ม โบรกชี้กำไรโตแรงต่อเนื่อง

บล.กรุงศรี ได้ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ บมจ.กลุ่มสมอทอง(SMO) ปี 2569 ที่ 7.50บาท/หุ้น ด้วยวิธี PE 8.1 เท่า คำนวณจากค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง  5ปีของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันได้แก่ UVAN และ UPOIC เรามองว่าบริษัทมีความน่าสนใจจากการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2566 และปรับปรุงกระบวนการผลิตแล้วเสร็จก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ทำให้คาดผลการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตสูง เนื่องจาก utilization rate เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ GPM และ Net profit marginปี  2568- 2570 ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยมาแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มในปี 2569 หลังเข้าจดทะเบียนในตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการน้ำมันปาล์มดิบทั่วโลกที่มีเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ SMO ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบและผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง และจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลงชีวภาพโดยเริ่มประกอบการในเชิงพาณิชย์ในปี 2553 มีกำลังการผลิต 45 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมงต่อมาในปี 2567 บริษัทได้ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการบริษัทเอแอลปาล์มจำกัด (AL) จังหวัดชุมพรโดยภายหลังการเข้าซื้อกิจการบริษัทถือหุ้นใน AL และการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ส่งผลให้ปัจจุบัน SMO มีกำลังการผลิตยู่ที่ 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมงและมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 315 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมงในปี2569 ซึ่งจะขยับขึ้นมาเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบเบอร์ต้นของประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2568 - 2570 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 703 ล้านบาท และ 848 ล้านบาท และ  879 ล้านบาท ตามลำดับ หรือมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย +51% CAGR เนื่องจากคาดปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตแล้วเสร็จ รวมถึงคาด Utilazation rate เพิ่มขึ้นเป็นราว 60% จาก 53% ในปี 2567 ผลจากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหลังในการปรับปรุงกระบวนการผลิตในช่วครึ่งปีแรกของปี 2567 ขณะที่ในปี 2568 สามารถกลับมาผลิตตามปกติ หนุน GPM เพิ่มขึ้น ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบส่งผลให้กลุ่มบริษัทสามารถบริหารต้นทุนขายได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ เราประเมินมูลค่าพื้นฐานของ SMO ในปี 2569 ที่ 7.50 บาท/หุ้น ด้วยวิธี PE 8.1 เท่าคำนวณจากค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 5ปี ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันได้แก่ UVAN และ UPOIC ความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบประมาณการกำไรสุทธิ ได้แก่ ความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบ (Crude  Palm  Oil: CPO) ทำให้รายได้ของบริษัทมีความผันผวน รวมถึงการผันผวนของราคาและการขาดแคลนวัตถุดิบผลปาล์มสดมีผลต่อต้นทุนผันผวน และความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ