กองทุน ThaiESG ปลายปีลงทุนดี ลดหย่อนภาษี พร้อมสร้างอนาคตยั่งยืน

ในยุคที่นักลงทุนไม่ได้มองหาแค่ผลตอบแทน แต่ยังต้องการ “ผลกระทบเชิงบวก” ต่อโลก “กองทุน ThaiESG “ จึงกลายเป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว
KEY
POINTS
- กองทุน ThaiESG เป็นทางเลือกยอดนิยมช่วงปลายปีสำหรับลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท โดยมีเงื่อนไขถือครองขั้นต่ำ 5 ปี
- เน้นลงทุนในบริษัทไทยที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและสนับสนุนเศรษฐกิจในระยะยาว
- แม้จะมีผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้น นักลงทุนควรเลือกกองทุนให้เหมาะกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
แต่ไม่ใช่เพียงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเท่านั้น กองทุนThaiESG สะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ของตลาดทุนไทยที่มีการลงทุน ที่มีจริยธรรม มีเป้าหมาย และมีอนาคต
แน่นอนว่าช่วงใกล้ ปลายปี 2568 กองทุน ThaiESG กลายเป็น "ตัวเลือกเด่น" สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีและสร้างผลกระทบเชิงบวก
กองทุน ThaiESG ได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและนักลงทุนมืออาชีพในช่วงปลายปีนี้
โดยมีแนวโน้มเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่องจากกระแสการลงทุนเพื่อความยั่งยืนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ยังคงมีผลต่อ ภาพรวมการลงทุน ThaiESG ปลายปี 2568 ดังนี้
สิทธิประโยชน์ทางภาษี: นักลงทุนยังสามารถใช้ ThaiESG เพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท โดยถือครองขั้นต่ำ 5 ปี ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมในช่วงสิ้นปี
กระแส ESG มาแรง: ตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงานว่า ThaiESG ได้รับเม็ดเงินลงทุนต่อเนื่องจากนักลงทุนที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
ผลตอบแทนและความเสี่ยง: แม้ ThaiESG จะเน้นหุ้นที่มี ESG Rating สูง แต่ยังคงมีความผันผวนตามตลาดหุ้นไทย นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงตามระดับความสามารถในการรับได้
พร้อมกันนี้ เสียงจากผู้จัดการลงทุน อย่าง “KBank Wealth” แนะนำว่า กองทุน ThaiESG เป็นทางเลือกที่ดีในยุคที่นักลงทุนให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยควรเลือกกองทุนตามระดับความเสี่ยงและเป้าหมายการเงินของแต่ละบุคคล
ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้ว่า การลงทุน ThaiESG มีบทบาทสำคัญในการผลักดันบริษัทไทยให้ปรับตัวสู่มาตรฐาน ESG ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
ทั้งนี้ กองทุน ThaiESG กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในบริษัทไทยที่ผ่านเกณฑ์ด้าน ESG (Environment, Social, Governance) ซึ่งได้รับการรับรองจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยมีจุดเด่นคือ สิทธิประโยชน์ทางภาษี: ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ (ไม่เกิน 300,000 บาท) , ระยะเวลาถือครองขั้นต่ำเพียง 5 ปี และ เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ข้อมูลจาก Settrade ณ 31 ต.ค. 2568 พบว่า กองทุน ThaiESG ที่มีผลตอบสูงสุด ปี2568 ดังนี้
อันดับ 1 : กองทุนเปิดกรุงศรีพันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน(KFGBTHAIESG-A) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1ปี 9.82%
อันดับ 2 : กองทุนเปิดเค ตราสารภาครัฐ ESG ชนิด ไทยเพื่อความยั่งยืน (K-ESGSI-ThaiESG) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 9.04%
อันดับ 3 : กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ ไทยยั่งยืน (SCBTB (ThaiESGA) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 8.71%
อันดับ4 : กองทุนเปิดกสิกรไทย ตราสารภาครัฐ ESG (ชนิด ไทยเพื่อความยั่งยืน) (KTESGS-ThaiESG) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 8.61%
อับดับ 5 :กองทุนรวมบัวหลวงตราสารการลงทุนภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน (B-SI-THAIESG) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 8.19%
อันดับ 6 : กองทุนเปิดเค พรีเมียมพันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน (KKP GF-THAIESG-A) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1ปี 8.04%
อันดับ 7 : กองทุนเปิดทีเอ็มบี ทีเอสไอเอส ตราสารภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน (TSITAIESG) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1ปี 7.49%
อันดับ 8 : กองทุนเปิดอีสท์สปริง ESG Mixed 30/70 ชนิด ไทยเพื่อความยั่งยืนสะสมมูลค่า (ES-ESG370-ThaiESG-A) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 3.75%
อันดับ 9: กองทุนเปิดอีสท์สปริง ESG Mixed 30/70 ชนิด ไทยเพื่อความยั่งยืนปันผล (ES-ESG370-ThaiESG-D) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 3.74%
อันดับ 10 : กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เฟล็กซิเบิล เพื่อความยั่งยืน (MFLEX-ThaiESG) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี -1.64%
อย่างไรก็ตาม การเลือกกองทุน เราควรจะศึกษานโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน ThaiESG เพราะมีทั้งแบบเน้นหุ้น ตราสารหนี้ และแบบผสม
ทั้งนี้ แม้จะเน้น ESG แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากตลาดหุ้นไทย ควรประเมินความเสี่ยงของตนเองก่อนลงทุน "อย่าลงทุนเพียงเพราะสิทธิภาษี" แต่ควรดูว่าเหมาะกับเป้าหมายระยะยาวหรือไม่
ที่สำคัญ ควรจะศึกษาว่าบริษัทที่กองทุนเลือกมีแนวทาง ESG อย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าเงินลงทุนสร้างผลกระทบที่เชื่อมั่นได้ ทั้ง “ผลตอบแทน” กับ “ความยั่งยืน” อย่างแท้จริง







