GULF กำไร Q3/68 ที่ 7.2 พันล้านโต 5.7 % พร้อม รับกำไร ADVANC เพิ่ม 45 % และปันผลจาก KBANK

GULF รายงานกำไร Q3/68 แตะ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน รายได้โตจากพลังงานสะอาด 18 % ท่ามกลางธุรกิจอื่นกระทบ พร้อมรับกำไร ADVANC เพิ่ม 45 % เป็น 5.6 พันล้านบาท และปันผล KBANK เพิ่มขึ้น 2.5 % จากไตรมาสก่อน
บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลประกอบการรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจใน Q3/2568 อยู่ที่ 30,177 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.5 YoY และลดลงร้อยละ 25.7 QoQ ประกอบด้วย
1. รายได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้ำจากก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 23,205 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16.7 YoY และลดลงร้อยละ 29.5 QoQ สาเหตุหลัก จากปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าของกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ที่ลดลงเนื่องจากมีหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงานมากขึ้น ประกอบกับต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ส่งผลให้โรงไฟฟ้า IPP มีรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าลดลง และราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยของโรงไฟฟ้า SPP ปรับลดลงด้วย
2. รายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 1,086 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.8 YoY โดยหลักมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 532 เมกะวัตต์ และรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 QoQ โดยหลักเป็นผลจาก GULF1 ที่มีการรับรู้รายได้จากการให้บริการก่อสร้างโครงการและการจำหน่ายแผงพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
3. รายได้จากธุรกิจก๊าซ อยู่ที่ 3,199 ล้านบาท เป็นรายได้จากธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติโดยบริษัทย่อย GLNG ซึ่งเริ่มนำเข้าก๊าซ ธรรมชาติเหลวเป็นครั้งแรกใน Q1’2568 โดยรายได้ลดลงร้อยละ 5.2 QoQ จากปริมาณการจำหน่ายก๊าซที่ลดลง ตามทิศทางการผลิตไฟฟ้าของ กลุ่มบริษัทฯ
นอกจากนี้ราคาขายก๊าซเฉลี่ยต่อหน่วยยังปรับลดลงตามทิศทางเดียวกับราคาก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดโลก
4. รายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค อยู่ที่ 772 ล้านบาท ปรับลดลงร้อยละ 7.9 YoY แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ82.2 QoQ โดย เปลี่ยนแปลงตามสัดส่วนความคืบหน้าของงานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรม MTP3 ทั้งนี้ บริษัทฯ เริ่มบันทึกรายได้จากการก่อสร้างท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว ใน Q2’2568เป็นต้นไป
5.รายได้จากธุรกิจดาวเทียม อยู่ที่ 517 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.9% YoY จากโครงกรบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) ระยะที่ 2 ที่หมดอายุตั้งแต่ Q3’2567 ขณะที่รายได้ลดลงร้อยละ 3.4 QoQ จากธุรกิจ Space Tech ประกอบกับได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วย
6. รายได้จากธุรกิจดิจิทัลอยู่ที่ 85 ล้านบาท โดยเป็นรายได้ของธุรกิจคลาวด์ ที่กลุ่มบริษัทฯ ได้เริ่มเปิดให้บริการบางส่วนใน Q1’2568 ส่วนแบ่งกำไร core profit จากบริษัทร่วมและการร่วมค้าใน Q3’2568 อยู่ที่ 5,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.4 YoY จาก ADVANC ที่มีผล ประกอบการที่ดีขึ้น และJackson ได้รับรายได้ค่าCapacity Payment ในตลาด PJM ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับโรงไฟฟ้า HKP หน่วยที่ 2 เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 มกราคม 2568
ทั้งนี้ core profit จากบริษัทร่วมและการร่วมค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.1 QoQ จากผลการ ดำเนินงานที่ดีขึ้นของ ADVANC และ Jackson ตามที่กล่าวถึงในข้างต้น ประกอบกับโรงไฟฟ้าพลังงานลม GGC มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นด้วย
กำไรจากการดำเนินงาน (core profit) ใน Q3’2568 เท่ากับ 7,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.3 YoY โดยหลักมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของ โครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ ประกอบกับรับรู้ ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก ADVANC, GJP, HKP และ Jackson
รวมถึงมีเงินปันผลรับจาก KBANK ทั้งนี้ core profit เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 QoQ โดยหลักจากโรงไฟฟ้า GSRC ที่หยุดซ่อมบำรุงตามแผนงานเป็น ระยะเวลาน้อยลงและส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจำก ADVANC, GGC, GJP และ Jacksonซึ่งชดเชยเงินปันผลที่ลดลงจาก KBANK ได้ทั้งหมด
กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ เท่ากับ 7,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 YoY เติบโตตามทิศทางเดียวกับ core profit แม้ Q3’2568 จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่กระทบบริษัทใหญ่และขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากตราสารอนุพันธ์สุทธิเป็นขาดทุน 5 ล้านบาท เทียบกับ Q3’2567 ที่มีกำไรจากรายการดังกล่าวรวม 1,380 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ลดลงร้อยละ88.6 QoQ เนื่องจากใน Q2’2568 บริษัทฯ มี กำไรจากการรวมธุรกิจจำนวน 56,120 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่กระทบบริษัทใหญ่และกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้ นจากตราสารอนุพันธ์รวม 651 ล้านบาท







