OR กำไร 9 เดือน 9,226 ล้านบาท พุ่ง 98.4% เพิ่มขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจและรับรู้กำไรพิเศษ

OR รายงานกำไร 9 เดือน ปี 2568 แตะ 9.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 100 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นจากรายได้ทุกช่องทาง และมีกำไรพิเศษจากตราสารอนุพันธ์แม้ได้รับผลกระทบค่าเงินบาท
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รายงานผลการดำเนินงาน 3Q/68 มีรายได้ขายและบริการ 153,600 ล้านบาท ลดลง 13,566 ล้านบาท (-8.1%) จากไตรมาสก่อนหน้า โดยลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ ในไตรมาสนี้กลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 7.7% จากปริมาณจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงตามสถานการณ์ตลาดที่แข่งขันสูง แม้ว่าราคาจำหน่ายเฉลี่ย ต่อลิตรปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
กลุ่มธุรกิจ Global ลดลง 19.0% จากปริมาณจำหน่ายที่ลดลงในประเทศกัมพูชาเป็นหลัก ซึ่งเป็นผลมาจาก สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาและกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ลดลง0.5% จากธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตามปัจจัยฤดูกาล
EBITDA จำนวน 4,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท (+7.2%) เมื่อเทียบกับ 2Q/68 โดยเพิ่มขึ้นจาก กลุ่มธุรกิจ Mobility ที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากดีเซลและเบนซิน ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Global ลดลงจาก กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ลดลงในประเทศกัมพูชาเป็นหลัก เช่นเดียวกับ กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่ลดลงเล็กน้อยจากธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตาม ปัจจัยฤดูกาล สำหรับภาพรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย
สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น ในไตรมาสนี้อัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯทรงตัว ส่งผลให้เกิดผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย รวมทั้งมีผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทำให้ใน 3Q/68 OR มีกำไรสุทธิจำนวน 2,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 382 ล้านบาท (+17.1%) และคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.22 บาท
ผลการดำเนินงาน 9M/68 OR มีรายได้ขายและบริการ 503,188 ล้านบาท ลดลง 34,866 ล้านบาท (-6.5%) เมื่อเทียบกับ 9M/67 โดยกลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 7.8% จากราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับตัวลดลง ตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับปริมาณจำหน่ายที่ลดลงเช่นเดียวกัน และกลุ่มธุรกิจ Global ลดลง 9.2% จากราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับลดลง แต่ภาพรวมปริมาณจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyleเพิ่มขึ้น 5.2% จากทั้งธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตามการขยายสาขา
ใน 9M/68 มี EBITDA จำนวน 15,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,135 ล้านบาท (+24.5%)จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจ Mobility จากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากเบนซินและดีเซล กลุ่มธุรกิจ Lifestyleเพิ่มขึ้นจาก ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบกับใน 9M/67 มีค่าใช้จ่ายพิเศษ (Extra Item) สำหรับการยุติธุรกิจที่ผลประกอบการไม่เป็นไปตามแผน และกลุ่มธุรกิจ Global ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
โดยหลักจากประเทศ สปป. ลาว ที่มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรสูงขึ้น สำหรับภาพรวมค่าใช้จ่าย ดำเนินงานปรับลดลง 9.5% จากค่าจ้างบุคคลภายนอกและค่าเช่า สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investment) ภาพรวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมาได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนใน 9M/67 ในงวดนี้อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ ส่งผลให้ใน 9M/68 OR มีกำไรสุทธิจำนวน 9,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,575 ล้านบาท (+98.4%) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.77 บาท







