ลงทุนอย่างไรในยุคทองของหุ้นเทคโนโลยี AI

ลงทุนอย่างไรในยุคทองของหุ้นเทคโนโลยี AI

แม้สถานการณ์ของ Tech AI ในปัจจุบันไม่ได้แสดงสัญญาณของภาวะฟองสบู่แบบที่ต้องกังวลเหมือนในอดีต อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังควรต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ดังนั้น SCB CIO จึงแนะนำให้เน้นคัดเลือก หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่มีรายได้และกำไรเติบโตดี ขณะที่ราคายังสมเหตุสมผล เพื่อหลีกเลี่ยงหุ้นบริษัทที่อาจเริ่มมีสัญญาณฟองสบู่ ซึ่งนักลงทุนอาจเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมเชิงรุก ให้ผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญช่วยคัดเลือกหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ

KEY

POINTS

  • เน้นคัดเลือก (Selective) หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีรายได้และกำไรเติบโตดี และมีราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อหลีกเลี่ยงบริษัทที่อาจมีสัญญาณฟองสบู่
  • พิจารณาลงทุนผ่านกองทุนรวมเชิงรุก (Active Fund) เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญช่วยคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพ
  • ขยายโอกาสการลงทุน (Diversify) ไปยังตลาดหุ้นนอกสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพด้าน AI เช่น ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และจีน
  • ลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นที่ได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น กลุ่มสาธารณูปโภคที่จัดหาพลังงานให้ศูนย์ข้อมูล (Data Center)

นับตั้งแต่ปี 2566 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งทะยาน โดยมี "กลุ่มหุ้นเทคโนโลยี" โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับกระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นหัวหอกสำคัญ การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มนี้ โดยเฉพาะ 7 หุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ (Magnificent 7) ได้จุดประกายคำถามสำคัญในใจนักลงทุนว่า นี่คือภาวะฟองสบู่ (Bubble) ที่รอวันแตก หรือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวัฏจักรการเติบโตครั้งใหม่?

ลงทุนอย่างไรในยุคทองของหุ้นเทคโนโลยี AI

SCB CIO มีมุมมองว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้ ยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะฟองสบู่ แบบที่ต้องกังวล โดยมี 3 ปัจจัยหลักสนับสนุน ดังนี้

ปัจจัยแรก คือ การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ยังมีกำไรสนับสนุน  โดยในปัจจุบันการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มเทคฯ และการเติบโตของกำไรยังสอดคล้องกัน (ราคาพุ่ง 128% และกำไรโต 88%) ซึ่งแตกต่างจากช่วงฟองสบู่ ยุค Dot-com ที่ราคาหุ้นวิ่งแซงหน้ากำไรไปไกลมาก (ราคาพุ่ง 463% แต่กำไรโตเพียง 69%) ในส่วนของระดับ P/E ในปัจจุบัน อยู่ที่ 31 เท่า ซึ่งก็ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในยุค Dot-com เกือบครึ่งหนึ่ง สะท้อนว่าการเติบโตปัจจุบันมีกำไรที่แข็งแกร่งรองรับ
 

ปัจจัยที่สอง คือ การลงทุนด้าน AI ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ได้เกินตัวนัก โดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงทุ่มงบประมาณเพื่อสร้างความได้เปรียบด้าน AI โดยเฉพาะการสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) โดย Consensus คาดว่า การใช้จ่ายงบลงทุน (Capex) ของ AI Hyperscalers (ได้แก่ Amazon, Alphabet, Meta, Microsoft และ Oracle) ในปี 2569 จะเติบโต 29%YoY อยู่ที่ 518 พันล้านดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ การลงทุนด้าน AI ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นการใช้เงินสดคงเหลือของบริษัท ซึ่งต่างจากการระดมทุนด้วยหนี้สินที่มากเกินไปในอดีต

ปัจจัยที่สาม คือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง แม้ว่า Fed ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าจะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง พร้อมหยุดการลดขนาดงบดุล (QT) ในเดือน ธ.ค.นี้ แต่อย่างไรก็ดี SCB CIO มองว่า Fed จะยังคงระมัดระวังต่อการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในปี 2569 ซึ่งแตกต่างจากในช่วงก่อนปี 2543 ที่สภาพคล่องโดยรวมอยู่ในระดับที่สูงมาก

อีกประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการเติบโตของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในยุค AI ก็คือ ความน่าสนใจไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น เมื่อความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ได้กระตุ้นให้หลายประเทศเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง สร้างโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในตลาดอื่นที่มีศักยภาพสูง เช่น ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่โดดเด่นในกลุ่มชิปและ AI ตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ อย่างเกาหลีใต้และไต้หวัน ที่เป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่จำเป็นสำหรับ AI และตลาดหุ้นจีน จากการที่รัฐบาลจีนมุ่งเน้นการพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยีและเพิ่มศักยภาพด้าน AI อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม แม้ SCB CIO มองว่า นี่ยังไม่ใช่ภาวะฟองสบู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเสี่ยง โดยยังมีประเด็นที่นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวัง ได้แก่
•    การประเมินมูลค่าที่สูงของบริษัทบางแห่งนั้น ไม่สอดคล้องกับผลกำไรที่แท้จริง หุ้นเทคโนโลยีบางตัวอาจมีราคาสูงเกินไป และมีการเก็งกำไรที่หนาแน่น
•    การทำข้อตกลงที่ซ้ำซ้อนและหมุนเวียนกันระหว่างผู้ผลิตชิป ผู้ให้บริการคลาวด์ และบริษัทโมเดล AI เช่น Nvidia ลงทุนใน OpenAI, Oracle ซื้อชิป Nvidia, OpenAI ใช้บริการคลาวด์ อาจทำให้เกิดความกังวลบนระบบนิเวศของ AI เนื่องจาก คล้ายคลึงกับการให้กู้ยืมแก่ลูกค้า "vendor financing" ในยุคดอทคอม และอาจบิดเบือนรายได้ที่แท้จริง
•    การพึ่งพาหนี้สินที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าการจัดหาเงินทุนส่วนใหญ่จะมาจากเงินสดคงเหลือของบริษัท แต่เริ่มมีการพึ่งพาการจัดหาเงินทุนด้วยหนี้สินมากขึ้นในช่วงหลัง เช่น Oracle ระดมทุนผ่านตราสารหนี้ มูลค่า 18 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นสัญญาณที่นักลงทุนต้องจับตา

โดยสรุป แม้สถานการณ์ของ Tech AI ในปัจจุบันไม่ได้แสดงสัญญาณของภาวะฟองสบู่แบบที่ต้องกังวลเหมือนในอดีต อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังควรต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ดังนั้น SCB CIO จึงแนะนำให้เน้นคัดเลือก (Selective) หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่มีรายได้และกำไรเติบโตดี ขณะที่ราคายังสมเหตุสมผล เพื่อหลีกเลี่ยงหุ้นบริษัทที่อาจเริ่มมีสัญญาณฟองสบู่ ซึ่งนักลงทุนอาจเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมเชิงรุก (Active Fund) ให้ผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญช่วยคัดเลือกหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ และ ควรขยายโอกาสการลงทุน (Diversify) ไปยังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อยู่นอกเหนือจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และจีน ที่ยังมีโอกาสที่น่าสนใจรออยู่ นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค ที่จัดหาพลังงานให้ Data Center เป็นต้น

ที่มา : ข้อมูลมุมมองการลงทุน โดย SCB CIO ณ วันที่ 5 พ.ย. 2568 

ทั้งนี้ ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละขณะเวลา ผู้ใช้ข้อมูลควรใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุน 

คำเตือน
•    การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน 
•    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SCB Call Center โทร. 02-777-7777