NASDAQ ร่วงลงแรง 2% S&P 500 ร่วงตาม หวั่นฟองสบู่หุ้นเอไอ

ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดลดลงวันอังคาร จากความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นเอไอ ขณะที่ Nasdaq ร่วงลงแรง 2% หลังจาก Palantir เผยผลประกอบการ นักลงทุนวิตกราคาหุ้นเอไอแพงเกินไป
ซีเอ็นบีซี รายงานหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลดลงในวันอังคาร (4 พ.ย.68) โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง Palantir
ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับมูลค่าของหุ้นชั้นนำในตลาดกระทิง
ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.17% ปิดที่ 6,771.55 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลงหนัก 2.04% ปิดที่ 23,348.64 จุด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 251.44 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 47,085.24 จุด
หุ้น Palantir ดิ่งลงประมาณ 8% แม้ว่าบริษัทซอฟต์แวร์นี้จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ และให้แนวโน้มที่แข็งแกร่งจากการเติบโตในธุรกิจ AI ก็ตาม หุ้นนี้ซึ่งปรับตัวขึ้นมากกว่า 150% ในปีนี้ ซื้อขายกันที่ราคาสูงกว่า 200 เท่าของกำไรต่อหุ้นล่วงหน้า นั่นหมายความว่านักลงทุนคาดหวังให้บริษัทนี้และหุ้น AI อื่น ๆ ยังคงปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรและรายได้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีเหตุผลพอที่จะซื้อหุ้นต่อไป
Oracle ซึ่งมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร ( forward P/E) ล่วงหน้ามากกว่า 33 เท่า ร่วงลงเกือบ 4% หลังราคาขึ้นมาเกือบ 50% ในปีนี้ ผู้ผลิตชิป AMD ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในปีนี้ ลดลงเกือบ 4% หุ้น AI อื่นๆ เช่น Nvidia และ Amazon ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน
กำไรจากหุ้น AI ที่เพิ่มขึ้นผลักดันให้อัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้าของดัชนี S&P 500 สูงกว่า 23 เท่าซึ่งใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2000 ตามข้อมูลของ FactSet ขณะที่หุ้นเหล่านี้ได้ยกระดับตลาดโดยรวมขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แอนโธนี ซากลิมเบเน จาก Ameriprise กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี ว่า หากไม่มีการย่อตัวลง มูลค่าหุ้นก็เริ่ม "ตึงตัว" อย่างมาก
“เราไม่เห็นการปรับฐานครั้งใหญ่ หรือแรงกดดันใดๆ ต่อหุ้นเลยนับตั้งแต่เดือนเมษายน” หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของบริษัทกล่าว “กำไรอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ผมคิดว่านักลงทุนเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง จากอัตราการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เหล่านี้ว่า ‘คุณจะเห็นการเติบโตของกำไรในปีหน้าเพื่อชดเชยการลงทุนในระดับนี้หรือไม่’”
ความคิดเห็นจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคาร Goldman Sachs และ Morgan Stanley ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงในวันอังคาร เมื่อคืนที่ผ่านมา เดวิด โซโลมอน ซีอีโอของ Goldman กล่าวว่า “มีแนวโน้มว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลง 10 - 20% ในช่วง 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า” นอกจากนี้ เท็ด พิค ซีอีโอของ Morgan Stanley ยังกล่าวว่า “เราควรยินดีกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการร่วงลง 10 ถึง 15% ซึ่งไม่ได้เกิดจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจมหภาค”
“ปัจจัยพื้นฐานยังคงดีอยู่ แต่ผมคาดว่าเราจะได้เห็นการย่อตัวลงบ้างเล็กน้อย” ซากลิมเบเน กล่าว “ว่านั่นจะนำไปสู่การปรับฐาน 5% 10% หรือ 15% ภายในสิ้นปีนี้หรือไม่ เราคงต้องรอดูกันต่อไป”
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอยู่ในช่วงการซื้อขายที่ผสมผสาน โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดในวันจันทร์ที่สูงขึ้น ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 200 จุด หุ้นกว่า 300 ตัวในดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมปิดตลาดในแดนลบในการซื้อขายก่อนหน้า ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างตลาดที่อ่อนแอและการกระจุกตัวของตลาดเทคโนโลยีในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากจำนวนหุ้น S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นในเดือนที่แล้วน้อยกว่าจำนวนหุ้นที่ลดลง
“ตลาดค่อนข้างเงียบเหงาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา” ซากลิมเบเน กล่าวเสริม “หากโมเมนตัมของ AI หรือเทคโนโลยีมีการเติบโตช้าลงหรือมีแนวโน้มถดถอยในระยะใกล้ ก็แทบจะไม่มีภาคส่วนอื่นใดที่มีผลการดำเนินงานดีเท่า และหากเราไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเศรษฐกิจมากนัก และผลกำไรในดัชนี S&P 500 ที่เหลือไม่แข็งแกร่งนัก เราจะไปที่ไหน”







