NASDAQ ร่วงแรง 1.6% S&P 500 ปิดติดลบ หุ้น Meta, Microsoft ฉุดตลาด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลง NASDAQ ร่วง 1.6% วันพฤหัสบดี หลังผู้นำเทคฯ Meta และ Microsoft อ่อนตัวหลังประกาศผลประกอบการ หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ถอย นักลงทุนวิตกเรื่องค่าใช้จ่าย
ซีเอ็นบีซี รายงานตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงในวันพฤหัสบดี( 31ต.ค.68) เนื่องจากนักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ขณะที่การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน ก็ได้ข้อสรุปบางประการ
ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.99% ปิดที่ 6,822.34 จุด ขณะที่แนสแด็ก Nasdaq Composite ร่วงลงแรง 1.57% ปิดที่ 23,581.14 จุด ด้านดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 109.88 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 47,522.12 จุด
บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ Alphabet, Meta และ Microsoft รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดหลังปิดตลาดในวันพุธ โดยหุ้น Alphabet พุ่งขึ้น 2.5% จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ขณะที่หุ้น Meta และ Microsoft ร่วงกว่า 11% และประมาณ 3% ตามลำดับ นักลงทุนเริ่มกังวลกับแนวโน้มค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของทั้ง Meta และ Microsoft
การปรับตัวลดลงของ Meta และ Microsoft รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง Nvidia เป็นสัญญาณของการหมุนเวียนเงินลงทุนออกจากหุ้นเทคโนโลยีในรอบนี้ ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มธนาคาร เช่น JPMorgan และ Bank of America รวมถึงหุ้นกลุ่มสุขภาพ ก็ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะ Eli Lilly ที่รายงานผลประกอบการและคาดการณ์กำไรสูงกว่าที่คาด หุ้น Eli Lilly พุ่งขึ้นเกือบ 4%
เจด เอลลอร์โบรก ผู้จัดการพอร์ต Argent Capital Management ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี ว่า “วันนี้เป็นวันของหุ้นคุณค่า” โดยตลาดที่นำโดยหุ้นเทคโนโลยีในช่วงที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของนักลงทุนครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ “เป็นธรรมชาติและสุขภาพตลาดดี” แต่ยังคงเห็นสัญญาณว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ยังคงแข็งแกร่ง
การค้าระหว่างประเทศเป็นประเด็นสำคัญ หลังจากทรัมป์ตกลงลดภาษีเฟนทานิล ที่นำเข้าจากจีนเหลือ 10% ทำให้อัตราภาษีรวมสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนลดลงเหลือ 47% จาก 57% ตามข้อตกลงนี้ จีนจะช่วยหยุดการนำเข้าสารตั้งต้นยาเสพติดเฟนทานิลเข้าสหรัฐฯ และยังรับซื้อถั่วเหลืองและสินค้าเกษตรจากอเมริกาเพิ่มขึ้นด้วย จีนยังเลื่อนการจำกัดการส่งออกแร่หายากอีกหนึ่งปี “ปัญหาแร่หายากได้รับการแก้ไขแล้ว” ทรัมป์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นอื่นๆ เช่น การส่งออกชิป Nvidia และการขายกิจการ TikTok ยังไม่ได้ข้อสรุป กระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงว่าพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ TikTok แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เอลลอร์โบรกเสริมว่า “ปัญหานี้ยังไม่จบ” พร้อมทั้งระบุว่า “ความผันผวนทางการค้าจากทรัมป์จะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของตลาดทุนตราบใดที่เขายังเป็นประธานาธิบดี ซึ่งผลที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็ยืนยันสมมติฐานนั้น”
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มชิปอื่นๆ อย่าง Broadcom และ AMD ก็ถูกกดดันในวันพฤหัสบดี เอลลอร์โบรกกล่าวว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เหมือนลูกบอลที่ถูกโยนไปมาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน “นี่เป็นเรื่องปกติของการลงทุนในหุ้นชิป หากต้องการการเติบโต หรือต้องการมีส่วนร่วมกับวัฏจักรการลงทุนในศูนย์ข้อมูล ก็ต้องยอมรับความผันผวนในด้านการเมือง ซึ่งจะไม่มีวันหายไปไหน” เขากล่าวกับซีเอ็นบีซี
วอลล์สตรีทเพิ่งผ่านวันที่ตลาดเคลื่อนไหวไปในหลายทิศทาง โดยดัชนี Dow, S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างวันในวันพุธ Nasdaq ยังปิดตลาดที่จุดสูงสุดใหม่ แต่ Dow และ S&P ปิดลดลงหลังประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าอาจไม่ลดอัตราดอกเบี้ยอีกในประชุมเดือนธันวาคมซึ่งนักลงทุนเคยคาดหวังไว้







