หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 6.14 จุด รับแรงหนุนมาตรการรัฐใช้วันแรก โครงการคนละครึ่ง-เที่ยวดีมีคืน คึกคัก

หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 6.14 จุด รับแรงหนุนมาตรการรัฐใช้วันแรก โครงการคนละครึ่ง-เที่ยวดีมีคืน คึกคัก

ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดเช้าวันที่ 29 ต.ค. 68 ปรับตัวขึ้น โดย ณ เวลา 10.10 น. ดัชนีบวก 6.14 จุด หรือ 0.47% มาอยู่ที่ 1,320.42 จุด นักวิเคราะห์เผย ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของภาครัฐที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้เป็นวันแรกโครงการ "คนละครึ่ง" และ "เที่ยวดีมีคืน" เป็นมาตรการที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดเช้าวันที่ 29 ต.ค. 68 ปรับตัวขึ้น โดย ณ เวลา 10.10 น. ดัชนีบวก 6.14 จุด หรือ 0.47% มาอยู่ที่ 1,320.42 จุด
  • ปัจจัยบวกสำคัญมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของภาครัฐที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้เป็นวันแรก
  • โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เที่ยวดีมีคืน" เป็นมาตรการที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
  • หุ้นในกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวคือ กลุ่มค้าปลีก, การท่องเที่ยว และร้านอาหาร

ความเคลื่อนไหว"หุ้นไทยวันนี้" 29 ต.ค.68 เวลา 10.10 น. ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 6.14 จุด หรือ 0.47% อยู่ที่ 1,320.42 จุด มี มูลค่าซื้อขาย รวมทั้งสิ้น 5,787.40 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเปิดตลาดดัชนีหุ้นไทย อยู่ที่ 3.45 จุด หรือ 0.26% อยู่ที่ 1,317.73 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 2,058.54 ล้านบาท   
 

หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 6.14 จุด รับแรงหนุนมาตรการรัฐใช้วันแรก โครงการคนละครึ่ง-เที่ยวดีมีคืน คึกคัก

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าวันนี้ ได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะโครงการ คนละครึ่ง และเที่ยวดีมีคืน ที่เริ่มมีผลในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก การท่องเที่ยว และร้านอาหาร

อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนว่า ช่วงนี้ถือเป็นจังหวะสะสมหุ้น เนื่องจากตลาดอยู่ในช่วงพักฐานเพื่อไปต่อในรอบถัดไป โดยมีแรงสนับสนุนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังเป็นขาลงนอกจากนี้ นักลงทุนควรติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทจดทะเบียน เน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่คาดว่ามีกำไรออกมาดี

ส่วนปัจจัยต่างประเทศจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนนี้ ซึ่งคาดว่ามีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างแน่นอน อย่างไรก็ดี สิ่งที่ตลาดรอฟังอย่างใกล้ชิดคือ การประกาศหยุดทำ QT หากเฟดส่งสัญญาณดังกล่าวจะถือเป็นถ้อยแถลงเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในระยะสั้นยังคงให้น้ำหนักกับการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 3/68 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ (MAG7) ที่ส่วนใหญ่จะทยอยรายงานในสัปดาห์นี้ โดยตลาดยังคาดหวังกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับธุรกิจ AI ที่มีเม็ดเงินลงทุนในระดับสูงมาก และยังมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งคาดยังเป็นตัวพยุงจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุนต่อไป

ผสานความคาดหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรํฐฯกับจีน โดยกำหนดการวันที่ 30 ต.ค. นี้ ทางด้านประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะได้หารือกันที่เกาหลีใต้ ซึ่งคาดหวังจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดลง แม้ว่าอาจจะมีเงื่อนไขต่างๆ ที่ต้องเจรจาในช่วงถัดไป

ส่วนในคืนนี้แนะติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยเราและตลาดคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ 0.25% ลงสู่กรอบ 3.75 – 4.0% นอกจากนี้ยังคงต้องติดตามการส่งสัญญาณการหยุดทำ Quantitative Tightening (QT) ซึ่งก็คือการหยุดลดขนาดงบดุลของ FED จะทำให้สภาพคล่องผ่อนคลายขึ้น รวมทั้งยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วง ธ.ค. ซึ่งคาดจะส่งผลให้ภาพรวมสินทรัพย์เสี่ยงน่าดึงดูดมากขึ้น ส่วนด้านผลตอบแทนพันธบัตรมีโอกาสชะลอลง เช่นเดียวกับ Dollar Index ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง 
 
หุ้นแนะนำวันนี้ SYNEX คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 218 ล้านบาท +14%q-q, +29%y-y หนุนจากยอดขายที่เติบโตทั้งสินค้า Apple, Wearable และ Gaming อัตรากำไรขั้นต้นคาดทรงตัว q-q และ y-y ส่วน SG&A คาดหดตัว q-q เล็กน้อย Valuation ปัจจุบันซื้อขายที่ PE 12.3 เท่า และคาดอัตราปันผลที่ 4.8% ราคาเป้าหมาย 13.70 บาท