ดาวโจนส์พุ่ง 400 จุด ปิดเหนือ 47,000 ครั้งแรก เงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัว

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ ดาวโจนส์พุ่ง 400 จุด ปิดเหนือ 47,000 ครั้งแรก S&P 500 , NASDAQ ทุบสถิติอีกครั้ง ด้วยความหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด
ซีเอ็นบีซี รายงาน ดัชนีหุ้นสหรัฐ ปิดตลาดหุ้นสหรัฐในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ (24 ต.ค.68) ที่ผ่านมา หลังข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอลงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะสามารถเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปได้ ซึ่งช่วยหนุน เศรษฐกิจสหรัฐ และส่งแรงหนุนให้หุ้นมีมูลค่าสูงขึ้น
- ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 472.51 จุด หรือ 1.01% ปิดที่ 47,207.12 จุด เป็นครั้งแรกที่ปิดเหนือระดับ 47,000 จุด
- S&P 500 ขยับขึ้น 0.79% ปิดที่ 6,791.69 จุด
- แนสแด็ก Nasdaq Composite พุ่ง 1.15% ปิดที่ 23,204.87 จุด
ทั้งสามดัชนีหลักปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
รายงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกันยายน ซึ่งล่าช้าเพราะถูกเลื่อนเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ทำให้อัตราเงินเฟ้อรายปีอยู่ที่ 3% ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ ตัวเลขนี้ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยบริษัทสื่อดาวโจนส์ คาดไว้ที่ 0.4% และ 3.1% เมื่อไม่รวมอาหารและพลังงาน CPI พื้นฐานอยู่ที่ 0.2% ในเดือนที่ผ่านมา และ 3% ในรอบ 12 เดือน ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของดาวโจนส์ ที่ 0.3% และ 3.1% เช่นกัน
หลังการเปิดเผยข้อมูล CPI นักลงทุนเชื่อมากขึ้นว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงสองครั้งที่เหลือของปีนี้ โดยเครื่องมือติดตามเฟด CME FedWatch ระบุว่าโอกาสในการลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคมพุ่งขึ้นเป็น 98.5% จากเดิมราว 91% ก่อนข้อมูลจะถูกเปิดเผย ส่วนโอกาสในการลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้าก็ยังคงสูงกว่า 95%
ความหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้ส่งหุ้นกลุ่มธนาคารให้พุ่งขึ้น โดยหุ้น JPMorgan, Wells Fargo และ Citigroup ต่างปรับขึ้น 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินอื่น ๆ อย่าง Goldman Sachs และ Bank of America ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อรายปีตามรายงานจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน แต่ข้อมูลเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ เช่น ตัวเลขการจ้างงานรายสัปดาห์และรายเดือน ยังคงถูกเลื่อนออกไปจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล
ลินด์เซย์ รอสเนอร์ หัวหน้าฝ่ายลงทุนตราสารหนี้หลายประเภทของ Goldman Sachs Asset Management กล่าวว่า “รายงาน CPI ที่เป็นบวกวันนี้ไม่ได้สร้างความกังวลให้กับเฟด และเรายังคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นในการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า” รอสเนอร์ยังกล่าวว่า “การลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมก็มีแนวโน้มเช่นกัน เนื่องจากขณะนี้ข้อมูลเศรษฐกิจมีน้อย ทำให้เฟดไม่มีเหตุผลจะเปลี่ยนแปลงแนวทางที่กำหนดไว้ในแผนภาพคาดการณ์ dot plot”
ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ไม่สนใจกับถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระบุว่าจะยุติการเจรจาการค้ากับแคนาดา หลังจากออนแทรีโอเผยแพร่โฆษณาที่มีอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน “พูดในทางลบ” ต่อภาษี โฆษณาดังกล่าวซึ่งทรัมป์มองว่า “เป็นเท็จ” ได้อ้างคำพูดของเรแกนจากรายการวิทยุประธานาธิบดีเมื่อเดือนเมษายนปี 1987 ที่ว่า “กำแพงการค้าทำร้ายแรงงานและผู้บริโภคชาวอเมริกันทุกคนในระยะยาว”
ดัก ฟอร์ด มุขมนตรีรัฐออนแทรีโอ กล่าวในวันศุกร์ว่า รัฐของเขาจะหยุดออกอากาศโฆษณาดังกล่าวหลังการแข่งขันเบสบอล World Series สุดสัปดาห์นี้ เพื่อให้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับแคนาดากลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง
ดัชนีสำคัญเหล่านี้ปิดบวกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง โดยทั้งสามดัชนีเพิ่มขึ้นราว 2% ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 15% สำหรับปีนี้ และ Nasdaq ขึ้น 20%







